วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

อย่ารู้ช้าไป! แค่ขับถ่ายช่วงตี 5-7 โมงเช้าทุกวัน ก็ช่วยลดการเกิดสิวบนใบหน้าได้


อย่ารู้ช้าไป! แค่ขับถ่ายช่วงตี 5-7 โมงเช้าทุกวัน ก็ช่วยลดการเกิดสิวบนใบหน้าได้

ทราบหรือไม่ว่า เราควรขับถ่ายช่วง ตี 5-7 โมงเช้าทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดีและยังสามารถลดสิว จุดด่างดำได้อีกด้วย 

ใครอยากหน้าใส ไร้สิว ไร้จุดด่างดำบ้าง?

วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับดีๆจากเพจหมอแนน แพทย์จีน TCM มาบอก นั่นก็คือ ขับถ่ายตอนเช้าทุกวันนั้นเอง! และช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วง ตี 5-7 โมงเช้า

เนื่องจากนาฬิกาชีวิตของเรา ช่วงนี้เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ร่างกายต้องการขับของเสียออก หากเราไม่ขับถ่าย อุจจาระจะอุดกลั้นอยู่ในลำไส้ใหญ่ และของเสียจะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในร่างกาย!

ถ้าเราไม่ขับถ่ายทุกๆเช้า ของเสียเหล่านั้นก็จะค่อยๆสะสม เกิดเป็นพิษร้อนชื้นในร่างกาย ทำให้ชี่และเลือดไหลเวียนไม่ดี เส้นลมปราณติดขัด เกิดเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ โดยเฉพาะบริเวณคาง แก้ม จมูก หรือเกิดจุดด่างดำตามผิวหนัง ทำให้ผิวไม่กระจ่างใสนั้นเอง ใครที่ไม่ขับถ่ายตอนเช้า ตื่นมาแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นสัก1-2แก้ว หรือนมอุ่นๆใส่น้ำผึ้ง ระหว่างวันให้ทานอาหารทีี่มีไฟเบอร์เยอะๆ พวกผักผลไม้ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ธัญพืชต่างๆ เพื่อช่วยระบบขับถ่าย ถ้าใครไม่คุ้นกับการขับถ่ายช่วงนี้ ให้ค่อยๆปรับ ร่างกายก็เหมือนนิสัยเรา ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน...เคนะ?

ลองดู ได้ผลแล้วมาบอกด้วยนะคะ

สำหรับคนที่ขับถ่ายไม่ออก ช่วง ตี5-7โมงเช้าทุกวัน หมอแนอนก็ยังสอนวิธีกดจุดเร่ง ... อีกด้วย

ใครใคร่กดจุดไหนก็กดจุดนั้น หรือใครอยากกดทุกจุดก็ได้นะคะ ตามสะดวกค่ะ

(ป.ล คนท้องไม่ควรกดนะคะ โดยเฉพาะจุดเหอกู่และจุดบริเวณท้อง) พร้อมนะคะ เริ่ม ...

จุดแรก จือโกว จุดนี้อยู่เหนือข้อมือขึ้นมา (ทั้ง2ฝั่ง) วิธีวัดตามภาพเลยค่ะ ใช้4นิ้วทาบ จุดจะอยู่ตรงกลาง จุดนี้เค้าเน้นเรื่องท้องผูกโดยเฉพาะ กดลงไปเลย จะจิกก็ได้นะไม่ว่ากัน จนรู้สึกหน่วงๆตึงๆ สัก 50 ครั้ง ใครขยันจะกดอีกก็ตามสบาย หรือจะกดแช่ก็ได้นะตามสะดวก สัก3-5นาทีค่ะ

จุดที่ 2 ฉวี่ฉือ อยู่ตรงข้อศอก ตามรูปเลยค่ะ ทั้ง2ฝั่งเหมือนกัน วิธีกดก็เหมือนจุดแรก จุดนี้จำได้เลยค่ะว่าตอน อ.สอน ก็นั่งกดกันในห้องเรียน สักพักวิ่งไปห้องน้ำกันเป็นแถวๆ 555 จุดนี้ช่วยกระตุ้นลำไส้ใหญ่ได้ดีและยังช่วยลดความดันได้ด้วยนะคะ

จุดที่ 3 เหอกู่ จุดนี้อยู่ตรงง่ามนิ้ว ทั้ง2ฝั่ง ใช้นิ้วโป้งทาบไปบนง่ามนิ้วอีกข้าง จะตรงจุดพอดี จะช่วยกระตุ้นลำไส้ใหญ่ค่ะ จุดนี้รักษาได้หลายโรคมากๆ ทีี่สำคัญเวลาปวดฟันล่าง กดจุดนี้แก้ปวดได้ดีมากๆๆ วิธีกดเหมือนกันค่ะ

จุดที่ 4&5&6 3 จุดนี้อยู่แถวพุง ตามรูปเลยค่ะ ด้านข้างสะดือใช้วิธีวัดแบบ3นิ้ว วัดไปข้างๆจะเจอจุดเทียนซู จุดนี้จะอยู่2ข้างของสะดือค่ะ ด้านบน ใช้วิธีวัดแบบ3นิ้ว ทาบขึ้นไป 2ครั้ง จะเจอจุดจงหว่าน ด้านล่าง ใช้วัดแบบ4นิ้วทาบลงมาจะเจอจุด กวนหยวน

วิธีกดเหมือนกันค่ะ และสามารถใช้มือนวดวนๆตามเข็มนาฬิกา จะวนกี่ครั้งก็ได้ตามสะดวกค่า จะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และยังสามารถนวดวนๆได้ทุกวันค่ะ เป็นการกดจุดบำรุงร่างกายอีกวิธีหนึ่ง

ไม่ยากเลยนะคะ ใครถ่ายไม่ออก ท้องผูกบ่อย ลองไปกดกันดูนะคะ

อยากเห็นคนไทย ... อย่างมีความสุข


บทความดีๆจาก... หมอแนน แพทย์จีน TCM แพทย์จีน รัทธวรรณ วงศ์ปัทมเจริญ

สาวๆห้ามพลาด!! สูตรหน้าขาวใส ไม่มีสิว ด้วยมะนาว ทำแล้วได้ผล 100% จริงๆ


สาวๆห้ามพลาด!! สูตรหน้าขาวใส ไม่มีสิว ด้วยมะนาว ทำแล้วได้ผล 100% จริงๆ

ข่าววันนี้ พืชผักสวนครัวที่เราเห็นกันทุกวััน กินกันเกือบทุกมื้ออย่างมะนาว ความจริงนั้น มันมีสรรพคุณที่น่าทึ่งมากกว่าแค่ปรุงรสในอาหารจานโปรด เพราะมันทำให้เราสวยขึ้น ก็ด้วยความเปรี้ยวเนี่ยแหละ มะนาวเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง ก็เลยมีผู้คิดค้นสูตรมาพอกหน้าขัดผิดกันอย่างมากมาย เราก็เลยจะหยิบยกมารวบรวมให้ทุกคนมาแข่งกันสวยรับซัมเมอร์ค่ะ

สูตรหน้าใส ลดสิว (ส่วนผสม น้ำมะนาวครึ่งลูก และดินสอพอง 4-5 เม็ด หรือแล้วแต่เราต้องการนะคะ) นำดินสอพองแล ะมะนา วมาผสมให้เข้ากัน (อย่าใส่ มะนาว มากเกินไปนะคะ) จะได้ครีมที่เหนียวข้น พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาทีก่อนเข้านอน และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละประมาณ 3 – 4 ครั้ง ประมาณ 3 เดือน

และหลังจากนั้นก็ลดจำนวนครั้งลงค่ะ และสูตรมะนาวกับดินสอพองนี้ ยังสามารถช่วยลดรอยจุดด่างดำที่ขาได้ด้วยค่ะ โดยให้ทาบริเวณขาทุกคืนก่อนนอน ตื่นเช้าค่อยล้างออก ทำเป็นประจำจุดด่างดำก็จะค่อยๆ หายไปค่ะ

สูตรแต้มสิว (ส่วนผสม น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ช้อนชา) ให้นำส่วนผสมทั้งสองมาผสมกันและตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน แต้มที่ตุ่มสิวทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยโฟมล้างหน้า สิวจะหายไปค่ะ (แต่อาจจะไม่ได้หายภายในครั้งเดียวนะคะ ต้องทำบ่อยๆ)

เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เพราะมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก โฟมล้างหน้า ทำความสะอาดผิว ไม่ก่อเกิดการระคายเคือง โทนเนอร์ เช็ดเพื่อกระชับรูขุมขน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง มาร์คหน้า นวดเบาๆเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว 

พร้อมบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ครีมบำรุงผิวหน้า ทาเช้าเย็นเพื่อความลดชื่น ลดความหมองคล้ำ และรอยแผลเป็นบนใบหน้า ยาแต้มสิว แต้มเช้าเย็นบนหัวสิวเพื่อลดอาการอักเสบ

เห็นมั้ยคะว่ามะนาวมีประโยชน์มากมายจริงๆ หากสาวๆคนไหนที่อยากมีผิวขาวสวยใส มะนาวถือเป็นเพื่อนแท้ของคุณเลยทีเดียวค่ะ

ขอบคุณที่มาจาก... khaodungs.com

ได้ผลดีมากๆ วิธีขัดขี้ไคลให้หมดเกลี้ยงแบบง่ายๆ ได้ผลแบบ 100% เผยผิวขาวใส แลดูสุขภาพดี


ได้ผลดีมากๆ วิธีขัดขี้ไคลให้หมดเกลี้ยงแบบง่ายๆ ได้ผลแบบ 100% เผยผิวขาวใส แลดูสุขภาพดี

เรื่องขี้เหงื่อ ขี้ไคลเป็นอะไรที่ธรรมชาติมากๆ แต่ถึงจะเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะเอาขี้ไคลมาอวดกันหรอกจริงไหม? เพราะอย่างนี้ไงเราถึงต้องหาวิธีการขัดขจัดมันออกไปสินะ! (ฟังดูน่าสงสาร) วิธีการขัดขี้ไคลแบบให้ได้ผลแถมผิวเนียนสวยเปล่งปลั่งนั้นทำได้ไม่ยากเย็นเลย เริ่มต้นง่ายๆด้วยการทำความรู้จักกับเจ้า ขี้ไคล กันก่อนเลย

1 ขณะอาบน้ำ ให้ใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณผิวให้ทั่วประมาณ 2 –3 นาทีจนเริ่มเปื่อย แล้วค่อย ๆ ถูออก สังเกตได้ว่าคราบ

2 ใช้น้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะผสมกับเกลือป่น 2 ช้อนชา แล้วนำไปนวดผิวเบา ๆ ให้ทั่วก่อนอาบน้ำ เพื่อช่วยขัดและบำรุงผิวให้นุ่มและขจัดคราบสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนผิวได้

3  หาอุปกรณ์ขัดผิวมาเป็นตัวช่วย เช่น ใยบวบ หินขัดตัว ถุงมือ,แปรงขัดผิว นำมาขัดขณะฟอกสบู่หรือขัดบนผิวเปียกจะช่วยให้คราบขี้ไคล ครีมทาผิวที่ตกค้างอยู่บนผิวหลุดลอกออกได้ดี แต่มีข้อระวัง คือ สาว ๆ ควรขัดอย่างเบามือ ส่วนคนที่มีแผล ก็ไม่ควรขัดด้วยวิธีนี้ เพราะผิวอาจจะแสบและระคายเคืองได้

4  หมั่นสครับผิวกันสักนิด อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ด้วยเกลือขัดผิว มะขามเปียก กากกาแฟ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

5  สูตรมะขามเปียกขัดผิว นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกัน อาจจะแยกเอามะขามเปียกไว้ต่างหากก็ได้นะคะ โดยนำมะขามเปียกมาชุบกับส่วนผสมทั้งหมดแล้วขัดผิวแทนใยบวบนั่นเอง ขัดผิวให้ทั่วเรือนร่างโดยขัดวนเป็นวงกลมไปมา จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ 15-20 นาทีค่ะ แล้วล้างออกให้สะอาด 

ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ที่สำคัญหลังจากขัดผิวเสร็จแล้วอย่าลืมรีบชโลมผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมจากไวท์เทนนิ่งทันที และทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ภายในบ้านก็ตามก็ต้องทาครีมกันแดดค่ะ เพราะแสงจากหลอดไฟก็แผ่รังสีที่จะทำลายผิวให้หมองคล้ำรวดเร็วได้


ได้เคล็ดลับ ขัดขี้ไคล กันไปแล้วอย่าลืมนำไปใช้กันนะ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีและผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส ว่าแล้วก็..ขัดเลยละกันเนอะ



ที่มา...http://www.share-si.com/2016/08/100_18.html

แจกสูตรต้มแซ่บซุปเปอร์ตีนไก่ รสชาติจัดจ้าน ถูกปากคนทั้งบ้าน


แจกสูตรต้มแซ่บซุปเปอร์ตีนไก่ รสชาติจัดจ้าน ถูกปากคนทั้งบ้าน

ต้มแซ่บ เมนูยอดฮิตถูกปากคนไทย ไม่แพ้กับต้มยำหรืออาหารรสจัดจ้านชนิดอื่น บวกกับ “ซุปเปอร์ตีนไก่” ที่ใครได้ยินแล้วเป็นต้องน้ำลายสอ จะเป็นอย่างไรเมื่อสองอย่างนี้มาเจอกัน! 

ก่อนอื่นเรามาดูส่วนผสมกันก่อนเลย สามารถหาซื้อได้ง่ายที่ตลาดใกล้บ้านคุณ

ส่วนผสม

1. ตีนไก่ 1 กิโลกรัม
2. รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกรวมกัน 2 ช้อนโต๊ะ
3. ข่าแก่ 5 แว่น
4. ขิงแก่ 5 แว่น
5. น้ำปลา ตามชอบ
6. น้ำมะนาว ตามชอบ
7. พริกขี้หนู ตามชอบ
8. น้ำเปล่าหรือน้ำซุป
9. ผักชีและผักชีฝรั่งสำหรับรอยหน้า 

วิธีทำ

1. ล้างทำความสะอาดตีนไก่ และสับเล็บออก

2. นำตีนไก่ใส่หม้อ ใส่น้ำเปล่าหรือน้ำซุปพอท่วม ตั้งไฟปานกลาง

3. ใสรากผักชี กระเทียม พริกไทย ที่โขลกรวมกันลงในหม้อ ตามด้วยข่าและขิงที่หั่นเป็นแว่นแล้ว

4. ตั้งไฟไปเรื่อยๆ จนกว่าตีนจะเปื่อย แต่ไม่ควรให้เดือดเกินไปและคอยตักฟองออก

5. ปรุงรสด้วยพริกขี้หนู น้ำปลา น้ำมะนาวตามชอบ

6. ตักใส่ถ้วย โรยด้วยผักชีและผักชีฝรั่ง พร้อมเสิร์ฟ 

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ต้มแซ่บซุปเปอร์ตีนไก่ถ้วยโปรดรสชาติจัดจ้าน พร้อมรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆแล้วล่ะ 


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ThaiJobsGov.com

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

น่าลองทำนะ! เผยสูตรลับทอดไข่เจียวให้ฟูกรอบน่าทาน ไม่ต้องทำกับข้าวเก่งก็ทำได้


น่าลองทำนะ! เผยสูตรลับทอดไข่เจียวให้ฟูกรอบน่าทาน ไม่ต้องทำกับข้าวเก่งก็ทำได้

อาหารที่อยู่คู่ครัวไทยมาตลอดไม่ว่าจะยากดีมาจนนั้นก็คือไข่เจียว นึกอะไรไม่ออกก็ไข่เจียวราดข้าว แต่จะทอดไข่เจียวอย่างไรให้ดูฟูกรอบน่าทานนั้นก็ไม่ยาก วันนี้จะมาแนะนำสูตรกันพร้อมแล้วไปเริ่มทำกันเลย

ส่วนผสม

• ไข่ไก่ 3 ฟอง (หรือไข่เป็ด ได้ค่ะ)

• น้ำปลา 1 ชช

• พริกไทย 1/2 ชช

• น้ำมันสำหรับทอด

• กระชอน(รูไม่เล็กมาก)


วิธีทำ

1. ตอกไข่พอแตก ใส่น้ำปลา พริกไทย คนให้เข้ากัน

2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟจนน้ำมันร้อน เทไข่ลงในกระชอน ให้ไหลเป็นเส้นลงในน้ำมัน โดยกระจายไข่ให้ทั่วกระทะ

3. ปรับไฟให้อ่อนลง ทอดไปเรื่อยๆ ให้ไข่กรอบ พลิกกลับด้าน จนสุก เร่งไฟแรงก่อนตักขึ้นใส่จาน

4. หั่นพริกชี้ฟ้าแดง บางๆ ใส่ในถ้วย เทซอสเปรี้ยวลงไป คนให้เม็ดหลุดจากพริก ตักเอาเฉพาะพริกและซอสที่ไม่มีเมล็ดมากินกับไข่ที่โรยหน้าด้วยผักชี


แหล่งที่มา http://www.kaijeaw.com/สูตรทำไข่เจียวกรอบๆได้/

สูตรเด็ดก๋วยจั๊บน้ำข้นแบบโบราณ พร้อมวิธีทำ เหมาะสำหรับทำกินในช่วงวันหยุด ทำขายก็รวยได้


สูตรเด็ดก๋วยจั๊บน้ำข้นแบบโบราณ พร้อมวิธีทำ เหมาะสำหรับทำกินในช่วงวันหยุด ทำขายก็รวยได้

ก๋วยจั๊บน้ำข้น 
เครื่องปรุง

เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม
ตับหมุ ½ กิโลกรัม
ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม
ปอดหมู 2 พวง
หนังหมุ ½ กิโลกรัม
เต้าหู้ทอด 2 พวง
หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น
พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด
แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ
ไข่ต้ม 20 ฟอง

วิธีทำ

1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๊วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุปจนกระทั้งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้

2. จากนั้นหันมาทำน้ำได้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครูพอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมูจากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊ป ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน

เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้เพียงเท่านี้ก็ได้ก๊วยจั๊บรสเด็ดแล้ว 


ที่มา - http://www.thaijobsgov.com/jobs=38142

แชร์เก็บไว้อ่านเลย! 14 วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่ายๆ อยากหายปวดแบบเห็นๆ


แชร์เก็บไว้อ่านเลย! 14 วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่ายๆ อยากหายปวดแบบเห็นๆ 

จากผลการสำรวจพบว่า คนทั่วไปถึง 80% ไม่ว่าจะช่วงอายุไหนก็ปวดหลังได้ มีตั้งแต่ปวดน้อยไปถึงปวดมาก มาหา วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่าย ๆ กันดีกว่า

1.ไปลงเรียนโยคะ 

อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนที่เสริมความแข็งแกร่งให้ยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนหลัง ก็ช่วยลดอาการปวดหลังได้ทั้งนั้น จากการศึกษาในแคนาดาค้นพบว่า ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง เมื่อได้เล่นโยคะหรือพิลาทีสติดต่อกันสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ประมาณ 1 ปีขึ้นไป กล่าวว่ารู้สึกปวดหลังน้อยลงมาก ดีกว่าผู้ป่วยที่รักษาตัวตามแพทย์สั่งปกติ 

2.กระเป๋าหนักไปไกลๆเลย

ใช่แล้วล่ะ สะพายกระเป๋าหนักๆไว้บนไหล่เป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อหลังของคุณทำงานหนักและเสียสมดุลได้ หากไม่เลือกพกของน้อยลงและสะพายกระเป๋าใบเล็กลงหน่อย ก็แบ่งสัมภาระไว้ในกระเป๋า 2 ใบ แล้วค่อยๆหิ้วโดยใช้แขนทั้งสองข้างละกัน 

3.ลงทุนซื้อพรม 

รู้สึกสบายเท้าและหลังมากกว่ามั้ยเมื่อคุณเหยียบลงบนพรม แทนที่จะเป็นพื้นกระเบื้องแข็งๆ เย็นๆ เพราะการยืนอยู่บนพื้นแข็งๆ เป็นเวลานานๆ จะทำให้แผ่นหลังส่วนล่างหรือก้นกบทำงานหนักและโดนกดทับได้ ดังนั้นปูพรมหนานุ่มให้บริเวณที่คุณมักยืนนานๆ อย่างหน้าอ่างล้างหน้าเพื่อความรู้สึกสบายขึ้นในทันทีจะดีกว่า 

4.ประคบเย็น 

ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังปวดหลัง ควรประคบด้วยถุงน้ำแข็ง ผ้าเย็นจัดๆ หรือถุงถั่วก็ได้ ทำวันละหลายๆ ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาที การประคบ ณ จุดที่ปวดจะช่วยปิดเส้นเลือดที่บอบช้ำและลดการคั่งของเลือดในบริเวณนั้น จึงช่วยลดอาการบวมได้ 

5.เปลี่ยนเป็นประคบร้อน 

หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว ใช้แผ่นความร้อนหรือถุงน้ำร้อนประคบหลังที่ปวดเป็นเวลา 20 นาที วันละหลายๆ ครั้งแทน เพราะความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยเปิดให้ออกซิเจนเข้ามาช่วยเหลือตรงจุดที่ปวด แค่นี้ก็สบายหลังละ 

6.ท่าบริหารหลัง 

แทนที่จะเกลียดกลัวการก้มลงแตะนิ้วเท้าอย่างสุดๆ ลองเลือกท่าบริหารกล้ามเนื้อหลังและต้นขาด้านหลัง ด้วยการตั้งส้นเท้าข้างหนึ่งไว้บนเก้าอี้ จากนั้นโน้มตัวมาด้านหน้า เหยียดแขนให้สุดแล้ววางมือลงเหนือเท้าประมาณ 15 เซนติเมตร จนคุณรู้สึกตึงที่ขาด้านหลังและก้นกบ คางไว้ประมาณ 5-10 วินาที ทำสลับข้างไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเอง 

7.ปราณีร่างกายหน่อย 

รู้ไหมว่า อารมณ์เข้ามามีส่วนกับความเจ็บปวดได้มากทีเดียว ทั้งความเครียด ความกลัว และความวิตกกังวล จะยิ่งเข้าไปสั่งสมองให้รู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นพยายามคลายเครียดด้วยการหายใจเข้าลึกๆ และปล่อยออกยาวๆ ยอมรับกับความเจ็บปวดและปล่อยวางบ้าง 

8.จัดท่าใหม่ 

ยอมรับหรือไม่ว่าคุณชอบนอนตะแคงแถมขดตัวอีก แก้ใหม่ด้วยการหาหมอนข้างมากอด วิธีนี้จะช่วยดันให้หลังของคุณตั้งตรง ส่วนคนที่ชอบนอนหงาย ก็สามารถป้องกันการกดทับหลังได้ด้วยการหาหมอนหรือหมอนข้างมารองใต้เข่าทั้ง 2 ข้าง แค่นี้ก็จะช่วยจัดกล้ามเนื้อหลังของคุณให้โค้งตามธรรมชาติ 

9.พักขาบ้างนะ 

ขาเป็นเหมือนพาหนะของร่ายกายที่ต้องโลดแล่นตลอด ดังนั้นเมื่อคุณต้องทำกิจกรรมที่ต้องยืนนานๆ อย่างยืนล้างจาน ก็ควรพักขาสลับกันไปมาบ้าง วิธีนี้จะช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ และลดน้ำหนักที่กดทับบริเวณหลังส่วนล่างได้ 

10.จองห้องนวด 

ถือเป็นข้ออ้างในการช่วยบำบัดหลังได้เลย หากคุณจะบอกทางบ้านว่า ขอเวลาไปสปานวดตัวอาทิตย์ละครั้งนะ เพราะมีการศึกษาพบว่า กลุ่มทดสอบที่ได้รับการนวดทุกอาทิตย์เป็นเวลาติดต่อกัน 10 อาทิตย์ มีอาการปวดหลังน้อยลง เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้นวดเลย 

11.ตรวจทิชชู่ 

รู้หรือไม่ว่า ไม่น้อยเลยที่เกิดอาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบจากการเอี้ยวตัวผิดท่าในห้องน้ำ หาที่วางทิชชู่ให้ดีๆ พอทำกิจวัตรถ่ายเบาหรือหนักเสร็จแล้ว จะได้ไม่ต้องเผลอเอี้ยวตัวไปหยิบให้หลังเคล็ด 

12.นั่งหลังตรง 

โซฟานุ่มๆ น่ะทำให้รู้สึกสบายและรีแลกซ์สุดๆ แต่รู้หรือไม่ว่ายิ่งนุ่ม หรือยิ่งไม่มีพนักคอยพยุงหลัง ยิ่งทำให้แผ่นหลังโดนกดทับมากขึ้นถึง 3 เท่า ดังนั้นคราวหน้าก่อนดูละครเรื่องโปรด อย่าลืมหาหมอนมารองหลัง พร้อมนั่งหลังตรง แผ่นเท้าติดพื้นทั้ง 2 ข้างด้วยล่ะ 

13.ขับฉลาดขึ้น 

เพื่อการนั่งขับรถอย่างถูกวินัยขึ้น เพียงปรับระดับกระจกส่องหลังให้สูงขึ้นเล็กน้อย แค่นี้ก็ทำให้คุณยืดตัวยาวขึ้น และเมื่อยหลังน้อยลงแล้ว 

14.เปลี่ยนเตียงดีมั้ย 

กลายเป็นว่าเตียงหนาแน่นไม่ดีต่อสุขภาพแล้วซะงั้น เพราะจากผลการสำรวจพบว่า กลุ่มคนที่นอนบนเตียงแบบแน่นมักมีอาการปวดหลังมากกว่าคนที่นอนบนเตียงสปริงนุ่มๆ อย่าลืมว่าคุณใช้เวลาวันละ 8 ชั่วโมงบนนั้นนะ ก็เทียบเท่ากับประมาณ 3,000 ชั่วโมงต่อปีทีเดียว คุ้มมากที่จะเลือกอย่างดี จริงมั้ยล่ะ 

เครดิต: นิตยสาร lisa
ภาพจาก wikiHow