เมนูอาหารลดน้ำหนักต้องเลือกกินอาหารคลีนอย่างเดียวซะที่ไหน ของกินใกล้ตัว 9 เมนูนี้ก็กินแล้วไม่อ้วน เพราะเป็นอาหารแคลอรีต่ำ
วิธีลดน้ำหนักให้ได้ผลต้องทำควบคู่กันไปทั้งควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทว่าการควบคุมอาหารนี่แหละที่ยากเหลือเกิน อย่างน้อย ๆ อาหารที่วางขายใกล้ออฟฟิศหรือตลาดแถวบ้านก็ดูเป็นอาหารพาอ้วนไปซะหมด เอ้า ! แต่ถ้ายังอยากมีความสุขกับการกินโดยไม่ต้องกลัวอ้วนเชิญทางนี้ คุณโด-D-โด้ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มี 9 เมนูพลังงานต่ำ อร่อยล้ำแถมหากินง่าย ๆ มาฝากให้ลองทำตามกันดู ซึ่งเขาคนนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รอบตัวรายล้อมไปด้วยร้านอาหารตามสั่งข้างทางที่ทุกเมนูล้นไปด้วยความมันเยิ้ม ร้านกาแฟเจ้าประจำที่อัดแน่นทั้งน้ำตาล ครีมเทียม นมข้น ดื่มแล้วชื่นใจแต่รับแคลอรีไปเต็ม ๆ เฮ้อ ! ในเมื่อของกินใกล้ตัวล้วนแต่ชวนอ้วนซะขนาดนี้ เราเองคงต้องมาคัดสรรเมนูอาหารแคลอรีต่ำด้วยตัวเองซะแล้วล่ะ
จั่วหัวด้วย 9 เมนูแคลอรีต่ำก่อน
ผมเคยเขียนเกี่ยวกับการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่บ้านไปแล้ว วันนี้ขอเขียนเกี่ยวกับของกินบ้าง การจะลดน้ำหนักเนี่ย 70% อยู่ที่ "ของกิน" นะครับ ย้ำอีกครั้ง!! การจะลดน้ำหนัก 70% อยู่ที่ของกิน !!! ออกกำลังกายนั้นแค่ 30% เท่านั้น แต่ !!! ผมไม่ได้บอกว่าออกกำลังกายไม่สำคัญนะครับ มันก็สำคัญนั้นแหละ เพราะมันช่วยให้ร่างกายแข็งแรงครับผม
ความจริงวันนี้คือ !!! ไม่ต้องเลือกครับ...ทำให้หมดทุกอย่างทั้งดูแลอาหารและออกกำลังกาย คราวนี้แข็งแรงและหุ่นดีแน่นอน
ต่อครับเรื่องอาหาร ถ้าเราทำอาหารคลีนหรือสั่งอาหารคลีนมากินเองได้ทุกมื้อมันก็ดีครับ น้ำหนักก็ลงเร็วหน่อยเพราะอาหารคลีนนั้นพลังงานต่ำอยู่แล้ว ส่วนมากจะอยู่ที่ 300-400 กิโลแคลอรีต่อกล่อง แต่ถ้าคนที่ทำไม่ได้ล่ะ (คนส่วนมากซะด้วย) ด้วยชีวิตชาวเมืองที่ต้องแข่งกับเวลา (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ฮ่าาาา) อาจจะต้องบังคับตัวเองนิดนึงที่จะตื่นเช้ามาปรุงเอง หรือต้องเพิ่มเงินสั่งอาหารคลีนมาทาน เนื่องจากอาหารคลีนต้องมีค่าใช้จ่ายในการส่งจึงต้องสั่งมาทีละหลาย ๆ กล่อง สั่งมาเราก็ต้องแช่ตู้เย็นไว้ 3-5 วันแล้วค่อยเอามาเวฟกิน บางคนอาจจะไม่สะดวกทำ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวจากที่เคยลองทำนะครับ) ถ้าใครทำได้ผมยินดีด้วย ทำต่อไปครับหุ่นดีแน่นอน
กินอาหารคลีนทุกมื้ออย่าลืมเติมไขมันดีเข้าร่างกายด้วยนะครับ ร่างกายต้องการไขมันอยู่พอสมควรเลย เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ฯลฯ
เข้าเรื่องการสั่งของกินกันดีกว่า !!! แถวออฟฟิศเรามีอะไรกินบ้าง...
มาเรียงลำดับประเภทของการปรุงที่ให้พลังงานมากไปหาน้อยกันดีกว่า
ทอด > ผัด > ย่าง > ต้ม > นึ่ง
ถ้าจะลดน้ำหนักโฟกัสไปที่ต้มกับนึ่งเลยครับ ช่วยได้เยอะ (มากด้วย) เพราะพลังงานต่ำกว่าทอดอยู่เยอะเฟร่อออ และตามสไตล์ผมนะครับจะเดินทางสายกลางไม่ตึงเกินไปและก็ไม่หย่อนเกินไป
วิธีการสั่งของกินให้ได้พลังงานน้อยลง
เมนูต้ม&นึ่ง สำหรับผมส่วนเกินของเมนูต้มก็คือ...กระเทียมเจียวนั่นเอง !!!
เพียงแค่เราบอกแม่ค้าว่าไม่เอากระเทียมเจียวเท่านี้ก็ตัดพลังงานที่ไม่จำเป็นออกไปประมาณ 50-100 กิโลแคลอรีแล้วครับ แค่นี้เองง่ายใช่ไหมเล่า (ต้องสั่งบ่อย ๆ ให้ชินนะครับ เพราะแรก ๆ เราจะลืมสั่งประจำ ผมก็เป็น 555)
หลีกเลี่ยงไขมันในมื้ออาหารนั้น ๆ เช่น
เครื่องดื่มที่หวาน ๆ ทุกชนิด
พูดให้ติดปากเลยนะครับ "หวานน้อย" หรือ ไม่เอาน้ำตาล (สำหรับสายโหด ตอนนี้ผมมาขั้นนี้ได้แล้ว ฮ่าาา)
กาแฟเย็นเนี่ยตัวดีเลย ผมกินทุกวัน ชอบกินเพราะรสชาติและกลิ่นของมัน เมนูโปรดผมคือ Espresso No Sugar เมนูอื่นก็เช่นกัน ชาเขียว ชาไทย กาแฟ โกโก้ ช็อกโกแลต พวกนี้จริง ๆ ตัวมันเองให้พลังงานต่ำมาก !!! แต่ที่เราอ้วนก็เพราะน้ำตาล นมข้นหวาน ครีมเทียมที่ใส่มาพร้อมพวกมันครับ ถ้าจะลดน้ำหนักสั่งไปเลย "หวานน้อย" จะตัดพลังงานออกไปได้ 100-200 กิโลแคลอรีนะครับ
ท่องไว้เลยนะครับ "ไม่เจียว" "หวานน้อย" คาถาลดน้ำหนัก ฮ่าาา
คราวนี้มาไล่เรียง 9 เมนูแคลอรีต่ำกันชัด ๆ
ปลาเผาตัวนึงพลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรีนะครับ เจ้าปลาเผาเนี่ยไขมันน้อยมาก...ส่วนมากในตลาดจะเป็นปลานิล ปลาทับทิม ทานกับผัก น้ำจิ้มซีฟู้ดพลังงานต๊ำ ต่ำ ถ้าทานเป็นเมี่ยงด้วยก็จะมีผักเยอะหน่อยดีนะครับ ถ้ารู้สึกไม่อยู่ท้องก็เติมเส้นขนมจีนหรือข้าวสวยไปสักนิดก็ได้ครับ +พลังงานมาอีกประมาณ 100 กิโลแคลอรี พอรับไหวครับผม อัดผักเข้าไปเยอะ ๆ อิ่มอยู่ท้องแน่นอน ^_^
เมนูยอดฮิตของสาว ๆ ชอบกันเหลือเกิน พลังงานต่ำเวอร์ครับ เพราะส่วนผสมเนี่ยมีแค่มะละกอกับเครื่องปรุงรส ไขมันนี่เรียกได้ว่าไม่มีเลย ถ้ารู้สึกไม่อยู่ท้อง (ซึ่งไม่อยู่แน่นอน ใครจะไปอิ่มเล่า) สาว ๆ จะสั่งใส่ขนมจีนมาด้วยก็ได้ ผมจำไม่ได้ว่าเรียกว่าตำอะไร ผมกินเผ็ดไม่ค่อยเก่งเลยไม่แตะเลยเมนูนี้ 555 +เส้นขนมจีนก็ไม่ถึง 100 กิโลแคลอรีหรอกครับ เมนูนี้เด็ดมากเอาใจสาว ๆ กันเลยทีเดียว ถ้าเป็นตำไทยจะใส่น้ำตาลปี๊บหวาน ๆ มาหน่อยแต่ก็ไม่เยอะครับ ยังไงเมนูนี้ไม่เกิน 100 กิโลแคลอรีอยู่แล้วสบายใจได้ครับผม
ป.ล.ระวังแคปหมูที่ชอบจัดชุดกันมานะครัช ตัวแสบเลยล่ะ เคี้ยวกันกรุ๊บกรั๊บอร่อยกันเลยทีเดียวเชียว
มาต่อด้วยเมนูนี้ จัดชุดกันมากับส้มตำได้เลยครับ เอาหนังออกเนี่ยพลังงานไม่เยอะครับประมาณ 160 กิโลแคลอรีเท่านั้นเอง ถ้าติดหนังมาด้วยนี่ก็ 200++ กิโลแคลอรีครับผม จริง ๆ แล้วอาหารที่พลังงานเยอะมันเยอะมาจากน้ำมัน หรือไขมันสัตว์นั่นเอง ถ้าได้อ่านวิธีการสั่งด้านบนมาแล้วจะรู้ครับผม
เมนูนี้ผมทานบ่อยมาก ช่วงเลิกงานร้านข้างออฟฟิศ เรียกได้ว่าแค่เดินไปนั่งที่โต๊ะไม่ต้องสั่งกันเลยทีเดียวเชียว หันขวาไปส่งยิ้มหวานทีนึง แม่ค้าทำแล้วเอามาเสิร์ฟตรงหน้าได้เลย ฮ่าาา ของผมจะเพิ่มไข่ลวกด้วย 1 ฟอง+ไปอีก 70 กิโลแคลอรี รวมแล้วก็แค่ 230 กิโลแคลอรีเท่านั้นเอง สบาย ๆ ครับเมนูนี้หายห่วง ๆ
ป.ล.หมูสับบางร้านผสมไขมันมาค่อนข้างเยอะต้องดูนิดนึงครับ แต่รวม ๆ แล้วก็ไม่เกิน 200 กิโลแคลอรีหรอกครับสำหรับโจ๊กกับหมูสับ (ร้านไหนหมูสับอร่อย ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเค้าใส่ไขมันมาเยอะแน่นอน ฮ่าาาา)
ป.ล.2 ระวัง !!! ปลาท่องโก๋ ไม่ว่ามันจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่มันโหดร้ายทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่พลังงานสูง ไขมันมันยังมหาศาลอีกด้วยยยยย เป็นห่วงนะครับ
ถ้าไม่ใส่กระเทียมเจียวเนี่ยไม่ถึง 200 กิโลแคลอรีด้วยซ้ำไป เพิ่มข้าวประมาณ 80-100 กิโลแคลอรี สบาย ๆ ครับเมนูนี้อยู่ท้องด้วย ผมจะชอบสั่งว่าพิเศษเพิ่มเนื้อสัตว์ไม่เอากระเทียมเจียว มื้อเย็นเนี่ยอิ่มสบายท้องครับผม ถ้าเราไม่ได้ชอบทานลูกชิ้นเป็นการพิเศษ ผมแนะนำว่าให้สั่งว่าเอาแต่เนื้อสัตว์ครับ จะได้โปรตีนเต็ม ๆ ลูกชิ้นมีผสมแป้งมาด้วย ถ้าเราลดน้ำหนักอยู่ตัดแป้งมื้อเย็นได้จะดีมากครับผม
ที่สุดแห่งเส้นคือวุ้นเส้นนั่นเอง จุดเด่นของวุ้นเส้นไม่ใช่พลังงานต่ำอย่างเดียวนะครับ ผมมองว่าจุดเด่นมันคือความอืด 5555 เวลาโดนน้ำมันพอง ทานช้า ๆ มันจะอิ่มง่ายมันไปอืดในท้อง อิอิ ด้วยวิธีการปรุงนั้นเอาไปลวกแล้วเอามายำ ไขมันน้อยมาก ส่วนมากไขมันของเมนูนี้คือ หมูสับนั่นเอง รวม ๆ แล้วพลังงานน๊อยน้อยนะครับผม จัดมื้อเย็นได้สบาย ๆๆๆๆ
เมนูนี้น่าจะเป็นเมนูที่พลังงานสูงที่สุดใน 9 เมนูนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เกิน 300 กิโลแคลอรีอยู่ดี ทานมื้อเย็นได้สบ๊าย สบาย ถ้าไม่เอาเส้นหมี่พลังงานลดลงอีกนะครับ แต่ถ้ากลัวไม่อยู่ท้องใส่ไปก็ได้ครับ ปกติก็ไม่ได้ใส่เยอะอยู่แล้ว ถ้าอยากตัดพลังงานออกอีกให้ไม่ทานหนังไก่ในนั้นดีกว่า ส่วนมากจะชอบมีไหล่ไก่มา เราจะได้รับพลังงานเพิ่มจากหนังไก่ตรงนี้นี่แหละครับท่านผู้ชมมมมม
มาดูเป็นกับข้าวกันบ้าง พลังงานนี้เฉพาะกับข้าวเด้อ ถ้าเพิ่มข้าวก็+พลังงานจากข้าวเพิ่มไปด้วยน้าา เมนูนี้ผมชอบนะครับ โปรตีนเน้น ๆ จากเนื้อหมูลวก แล้วเอามาปรุงเปรี้ยว ๆ อร่อยดีแทบจะไม่มีไขมันเลย อาจจะมีบ้างจากชิ้นส่วนของหมู ไม่เยอะครับเพราะมันไหลออกไปกับน้ำตอนลวกแล้วบ้างบางส่วน สบาย ๆ ครับจัดไปเต็มที่
เมนูสุดท้าย!!!! แกงส้มนั่นเอง ผักล้วน ๆ รสชาติเปรี้ยวอร่อย ๆ พลังงานน้อยเว่อร์+ข้าวได้ครับจะได้อยู่ท้อง ข้อควรระวังในเมนูนี้ก็คือ "แกงสมชะอมทอดไข่" 5555 ไข่ทอดเนี่ยตัวดีเลยครับ ตัวมันเองอมน้ำมันมากกกกก ถ้าเป็นแกงส้มผักธรรมดากับกุ้งเนี่ยครับดี สุดพลังงานต่ำครับผมจัดปายยยย
อาหารที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนาน สำหรับบางคนเรียกได้ว่าถ้าไม่ได้กินข้าวจะรู้สึกไม่อิ่ม (จริง ๆ เราคิดไปเองครับอันนี้ เป็นจิตวิทยา) ด้านบนจะมีเมนูกับข้าวอยู่ ถ้ากินกับข้าวสวยก็เพิ่มพลังงานเข้าไป และเรื่องปริมาณในการคำนวณพลังงานเนี่ย เป็นเรื่องที่ปวดสมองมาก...เพราะว่าที่บ้านแต่ละคนขนาดทัพพีไม่เท่ากันเลยคำนวนยาก ถ้าอยากให้เห็นภาพ คิดถึงข้าวถ้วยกระป๊อกตามตลาดนัดครับ ก้อนเล็ก ๆ นั่นนับเป็น 1 ทัพพีครับผม ให้พลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี ซึ่งเหล่าชายชาตรีอย่างเรามี 2-3 แน่นอนครับผมถึงจะอยู่ท้อง ถ้าจะเอาให้ง่ายกว่านั้นอีกบางคนหุงข้าวเอง 1 ทัพพีประมาณ 4 ช้อนสั้นพูน ๆ ครับผม ข้าวหนึ่งจานก็จะประมาณ 100-200 กิโลแคลอรีครับผม
เรื่องตัวเลขพลังงานเนี่ยผมอยากให้เราดูเป็นแนวทางนะครับ ดูให้รู้ว่าเรากำลังกินอะไรอยู่ อย่าไปยึดติดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นจิตตก อันนั้นก็กินไม่ได้อันนี้ก็กินไม่ได้ ของทุกอย่างทานได้หมดครับ มันอยู่ที่ปริมาณต่างหาก ทานแต่พอดี เอาความพอดีเป็นที่ตั้งครับ อาหารคลีนที่ว่าพลังงานต่ำลองทานมื้อละ 2 กล่องดูสิครับ ก็ตกวันละ 6 กล่อง ดูซิน้ำหนักจะขึ้นไหม ฮ่าาาา
เรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองแล้วสนุกกับมันนะครับ การเลือกทานอาหาร+กับการออกกำลังกาย ผมว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ผมเองเคยน้ำหนัก 85 หน้านี่เต็มจอเลยล่ะถ่ายรูปมาเนี่ย เรียกได้ว่าไม่กล้าเซลฟี่เลยล่ะ เลือกทานอาหารกับออกกำลังกายก็ลดน้ำหนักได้แล้วครับ แล้วลดถาวรด้วยขอบอก ไม่ต้องไปพึ่งยาลดน้ำหนักที่อันตรายด้วย...ขอให้ทุกคนโชคดีสั่งอาหารพลังงานต่ำกินกันให้หุ่นเป๊ะทุกคนนะครับ !!! #โด-D-โด้
การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่ออกกำลังกายอย่างเดียว หรือควบคุมอาหารอย่างเดียว แต่ต้องทำควบคู่กันไปเรื่อย ๆ และที่สำคัญอย่าหมดกำลังใจหรือใจร้อนนะคะ ค่อย ๆ ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แล้วเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของตัวเอง อ้อ ! แล้วอย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์ไว้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ
Cr.http://health.kapook.com/view128788.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น