วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

10 สูตรหน้าขาว กระจ่างใส เด้ง อย่างเป็นธรรมชาติ


ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำส่วนใหญ่มักเกิดจากแสงแดดและมลภาวะภายนอก เช่น ควัน ฝุ่นละออง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และแมลง สำหรับสาวๆที่กำลังมองหาวิธี บำรุงผิวให้กลับมาขาวสวยกระจ่างใส เปล่งประกาย อย่างเป็นธรรมชาติ เบ็ดเตล็ดไอเดียมีเคล็ดลับผิวสวยแบบง่ายๆที่คุณควรลองทำดูสักครั้ง ดังต่อไปนี้ค่ะ 


1. โยเกิร์ต หาเวลาว่างพอกหน้าด้วยโยเกิร์ตวันละ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยชำระล้างเอาสิ่งสกปรก มลพิษออกจากรูขุมขนของผิวเรา ลดความมัน กระชับรูขุมขน ช่วยทำให้ผิวหน้าสดชื่น นุ่มนวล อ่อนเยาว์ หน้าใสเป็นธรรมชาติ ทำเช่นนี้วันละครั้ง ภายใน 4 สัปดาห์ แล้วคุณจะเห็นได้ถึงความแตกต่าง 

2. ส้ม การพอกหน้าด้วยส้มจะช่วยให้ผิวหน้าขาวใสสุขภาพดี ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวหน้าเรียบเนียน ชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ วิธีทำ เพียงแค่นำส้ม มาคั้นให้เหลือแต่น้ำ ต่อมานำสำลีชุบน้ำส้มแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า จากนั้นทิ้งไว้จนแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น แนะนำว่าควรทำวันละ 2 ครั้งค่ะ 

3. แป้งกรัม (Gram Flour) หรือ แป้งเบซัน (Besan) และแป้งถั่วลูกไก่ (Chickpea Flour) แป้งสำหรับทำขนมของชาวอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ มีสารอาหารต่างๆที่จะช่วยให้ผิวสวยและมีสุขภาพดีมาก ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ แถมยังช่วยให้ผิวหน้าดูขาวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย 

วิธีทำก็ง่ายๆ เพียงแค่นำเอาแป้งกรัม 1/2 ช้อนชา, ขมิ้นผง 1/4 ช้อนชา และนมสด 2 ช้อนชา คนผสมให้เข้ากัน ถ้ายังข้นไปก็เพิ่มนมสดลงไปอีก จากนั้นนำมามาส์กใบหน้าและลำคอทิ้งไว้จนแห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้งค่ะ 

4. น้ำผึ้ง อีกหนึ่งสูตรผิวสวยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพียงแค่พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งประมาณ วันละ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ผิวของคุณก็จะกลับมาสดใสเปล่งปลั่ง เนื่องจากน้ำผึ้งนั้นช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสของใบหน้า คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า นอกจากนี้แล้วน้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่สามารถยับยั้งการเกิดสิว ลดจุดด่างดำ และรอยแผลจากสิวให้จางลงอีกด้วย 

5. มะนาว อีกหนึ่งเคล็ดลับความขาวใสของใบหน้าที่ควรบอกต่อ เนื่องจากในน้ำมะนาวนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส ไร้สิว ซึ่งวิธีใช้ก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาว แล้วนำมาเช็ดถูบนใบหน้าเบาๆ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แนะนำให้ทำวันละครั้งค่ะ 

6. เจลว่านหางจระเข้ อีกหนึ่งวิธีลดรอยด่างดำบนใบหน้า ช่วยต้านริ้วรอยก่อนวัย ใบหน้าเด้งกระชับ และดูสุขภาพดี ซึ่งวิธีทำก็ง่ายมากๆ เพียงแค่นำใบว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออก จากนั้นนพเอาวุ้นใสๆด้านในมาล้างน้ำให้หมดเมือก แล้วน้ำมาบดให้ละเอียด จากนั้นทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แนะนำให้ทำวันละ 2 ครั้ง ภายใน 2 สัปดาห์คุณจะเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน 

7. มะละกอ การพอกหน้าด้วยมะละกออย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากในเนื้อมะละกอนั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรที และเอนไซม์ที่มีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้ผิวหน้าของคุณกลับมามุสุขภาพดีอีกครั้ง 

8. ขมิ้นชัน การบำรุงผิวพรรณด้วยขมิ้นชันนั้นมีมานานแล้ว เนื่องจากในขมิ้นชันนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด และยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยให้ผิวพรรณดูมีสุชภาพดี ขาว กระจ่างใส ซึ่งวิธีใช้ก็ง่ายมากๆ เพียงแค่นำเอาขมิ้นชัน 1- 2 หัว มาปั่นรวมกับดินสอพอง 2-3 เม็ด แล้วผสมกับมะนาว 1 ลูก ปั่นจนเข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าหรือผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

9. แตงกวา อีกหนึ่งสูตรหน้าหน้าขาวใสที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สูตรอื่นๆ เนื่องจากในแตงกวานั้นอุดมไปด้วย วิตามินซี แคลเซียม ซิลิก้า และโปแทสเซียม จึงช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื่น ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยเป็นอย่างดี วิธีทำ เพียงแค่นำแตงกวา 1 ผล มาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปปั่นให้เข้ากันกับน้ำมะนาว 1 ลูก นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด 

10. ข้าวโอ๊ต เนื่องจากในข้าวโอ๊ตนั้นมีวิตามินอีจำนวนมาก ซึ่งเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวเพียงแค่นำข้าวโอ๊ตประมาณ 3/4 ถ้วยตวงมาปั่นรวมกับน้ำเปล่าประมาณ 3-4 นาที แล้วนำน้ำผึ้งกับโยเกิร์ตอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ และไข่ขาวใส่ตามลงไป จากนั้นผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วนำมาพอกหน้าบางๆ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น และน้ำเย็น เพียงเท่านี้ผิวพรรณของคุณก็จะกลับมาเปล่งปลั่งและเนียนนุ่มอีกครั้ง 

Cr.http://www.bedtaledidea.com/2015/06/10.html

ดีมากๆ 26 สมุนไพรจีน ช่วยบำรุงสุขภาพและบำบัดโรคต่างๆ


ดีมากๆ 26 สมุนไพรจีน ช่วยบำรุงสุขภาพและบำบัดโรคต่างๆ

สมุนไพรจีน เครื่องยาจีนนั้นมีหลากหลาย ส่วนใหญ่นั้นเป็นวัตถุดิบหาง่าย และมีขั้นตอนในการปรุงไม่ซับซ้อน ปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

26 สมุนไพรจีน…บำรุงสุขภาพและบำบัดโรค

1. แปะจี้
เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยระงับประสาท และอาการปวดศรีษะ วิงเวียน โดยเฉพาะในสตรีอันเนื่องจากเลือดลมผิดปกติ

2. ขิงสด หรือ ขิงม่วง
ขิงอ่อนเรียกว่า จี่เกีย ส่วนขิงแก่เรียกว่า บอเกีย ขิงนำมาใช้หลายส่วน ตั้งแต่ต้นจรดราก ซึ่งมีสรรพคุณต่างกัน ได้แก่
1.ราก มีรสหวาน เผ็ด ร้อนและขม แก้แน่นท้อง แก้ลม แก้เสมหะ แก้บิดช่วยเจริญอาหาร
2.เหง้า มีรสหวาน เผ็ด ร้อน ช่วยขับลม แก้บิด แก้ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน แก้อาการไอหอบ ขับเสมหะ
3.ต้น มีรสเผ็ด ร้อน ช่วยขับลม แก้จุกเสียด แก้ท้องร่วง
4.ใบ มีรสเผ็ด ร้อน แก้โรคประสาทซึ่งทำให้ใจขุ่นมัว ช่วยย่อยอาหาร แก้ขัดปัสสาวะ
5.ผล มีรสหวาน เผ็ด บำรุงน้ำนม แก้ไข้ แก้คอแห้ง เจ็บคอ แก้ตาฟาง เป็นยาอายุวัฒนะ

3. ลูกพลับ
ในภาษาจีนเรียกว่า เก่าจ้อ หรือ บี้ก้วย ชาวจีนถือเป็นผลไม้มงคลสำหรับเทศกาลต่างๆ เพราะมีสีเหลืองทองคำ นิยมนำพลับมาแปรรูปเป็นพลับแห้ง ลูกพลับมีธาตุเย็นและรสหวาน มีสรรพคุณช่วยบำบัดโรคความดันโลหิตสูง แก้โรคบิดในเด็ก แก้ไอและเจ็บคอ

4. รากบัว
หรือเหง้าบัว ในภาษาจีนเรียกว่า กวงพั้ง หรือ หน่อยเก๋า รากบัวที่ดีต้องมีสีขาว อวบ และใหญ่ รับประทานได้ทั้งดิบและสุก มีคุณค่าทางอาหารสูง นิยมใช้เป็นยาชูกำลัง แก้ร้อนใน ลดไข้ แก้ไอ แก้กระหายน้ำ ช่วยขับปัสสาวะและมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับ

5. ดอกไม้จีน
ในภาษาจีนเรียกว่า จำฉ่าย เป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับลิลลี่ นิยมนำมาตากแห้ง เวลาใช้จึงต้องนำมาแช่น้ำ มีฤทธิ์เย็น และอุดมไปด้วย แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โปรตีน และวิตามินต่างๆ ช่วยให้สมองทำงานได้ดี เพิ่มความจำ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

6. ฮ่วยซัว
หรือมันเทศจีนมีชื่อเรียกหลากหลาย ทั้ง ห่วยซัวเอี๊ยะ,ซังเอี๊ยะ หรือจื่อเอี๊ยะ เป็นไม้ตามธรรมชาติขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลี ชาวจีนนิยมนำรากมาอบแห้งและทำเป็นยา ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ตับ และม้าม รวมทั้งเสริมสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ ป้องกันหวัดและแก้ร้อนใน

7. ชะเอม
ในภาษาจีนเรียกว่า กำเช่า เป็นเครื่องยาจีนที่มีสรรพคุณรักษาโรคหลายชนิด นำรากและลำต้นใต้ดินมาตากแห้ง มีกลิ่นหอมและรสหวาน ช่วยบำรุงปอด แก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยย่อยอาหาร และบำบัดโรคกระเพาะ

8. แปะก๊วย
มีชื่อเรียกอื่น เช่น เหล่งงั่ง หุกจีกา หรือหุกจี้กะ จัดเป็นยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง จากหลักฐานทางวิทยาศาสสตร์กล่าวว่า แปะก๊วยเป็นไม้โบราณที่มีมาก่อนยุคไดโนเสาร์ แปะก๊วยมีฤทธิ์เป็นกลาง มีรสหวาน ฝาดและขมเล็กน้อย ช่วยบรรเทาโรคสมองเสื่อม ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ขับเสมหะ บำรุงปอด รักษาโรคหอบ ขับพยาธิ บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ลดการเกิดตกขาว และยังมีสารเควอร์ซิทิน(Quercetin)ช่วยป้องกันมะเร็ง

9. เพกา
หรือลิ้นฟ้า ในภาษาจีนเรียกว่า โซยเตียจั้ว พบได้ทางตอนใต้ของประเทศจีน อินเดีย คนไทยใช้เพกาเป็นทั้งผักและยา เพกามีฤทธิ์เย็นมากและรสขมอมฝาด ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ร้อนใน เจ็บคอ และวัณโรค

10. แบะตง
หรือ แบะเหมิ่งตง เป็นรากของต้นดวอร์ฟลิลลี่เทิร์ฟ(Dwarf Lilyturf) นิยมนำมาตากแห้ง มีกลิ่นหอมและรสหวานอมขมเล็กน้อย มีสรรพคุณแก้ร้อนใน แก้ไข้ แก้กระหาย ขับเสมหะ แก้อาเจียน ช่วยบำบัดอาการนอนไม่หลับ ท้องผูก หอบหืด บำรุงหัวใจ

11. โสม
มีต้นกำเนิดจากหลายพื้นที่แต่โสมจากจีนและเกาหลีเป็นที่รู้จักมากที่สุด นิยมนำรากและหัวของโสมมาตากแห้ง แล้วใช้ปรุงอาหารและปรุงยา ช่วยเผาผลาญอาหารในร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันโรค พร้อมทั้งมีสารที่ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้

12. แป๊ะฮ่ะ
มีชื่อเรียกอื่นว่า เหม่หะฮวย หรือ หม่อลัย เป็นไม้ล้มลุก กลีบแป๊ะฮ่ะแห้งมีกลิ่นอ่อนๆ และรสขมเล็กน้อย ช่วยบำรุงลำไส้และกระเพาะอาหาร บำรุงและระงับประสาท บำรุงปอด เสริมพละกำลัง และบำรุงผิวพรรณ

13. เก๋ากี้
จัดเป็นยาอายุวัฒนะและเป็นสมุนไพรส่งออกที่สำคัญของจีนและยังเป็นโอสถของฮ่องเต้  เป็นพืชไม้เลื้อย มีผลสุกสีแดงเรียกว่าผลโกจิ สรรพคุณแก้ไอ ขับเสมหะ เจ็บคอ บรรเทาอาการปวดศรีษะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยบำรุงปอด ไตและสายตา

14. ห่วงฮง
สรรพคุณช่วยขับลมเย็น เหมาะสำหรับคนไข้ระยะพักฟื้น และผู้เป็นหวัดง่าย ผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอ บรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะและหูอื้อ

15. เคียมซิก
มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น โซวอึ๊งและโกยเถ่าซิก เป็นพืชในตระกูลบัว พบมากในประเทศจีน เกาหลีและอินเดีย โดยเลือกใช้เฉพาะแต่ส่วนเนื้อในเมล็ดมาตากแห้ง ชาวจีนนิยมนำมาปรุงอาหารคู่กับเม็ดบัว ช่วยบำรุงสมอง บำรุงประสาท บำรุงไต และใช้เป็นยาบำรุงเลือด บรรเทาอาการท้องร่วง

16. โตวต๋ง
เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ พบมากในป่าทางตอนกลางของแม่น้ำแยงซีเกียงและภาคใต้ของจีน ใช้เปลือกตากแห้งมาทำยาโดยเลือกเปลือกที่หนา เมื่อหักเปลือกแล้วจะมีใยสีขาว มีสรรพคุณบำรุงครรภ์ ตับและไต ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และแก้ปวดเมื่อย

17. ซัวจา
หรือ ซัวแจ มีผลคล้ายแอปเปิ้ล นิยมใช้ประกอบอาหารทั้งคาวหวาน  ช่วยให้เจริญอาหาร และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะ ขยายหลอดเลือด ลดความดัน บรรเทาอาการปวดท้องหลังคลอดบุตร รวมทั้งแก้อาการเมาค้าง

18. ตังเซียม
เป็นไม้เลื้อย มีรากเป็นหัวคล้ายโสม ช่วยปรับการทำงานของกระเพาะอาหาร บำรุงเลือดลม ลดความดัน ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว บำบัดอาการหน้าซีด เป็นลม

19. อึ่งเจ็ง
คนจีนนิยมใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย ม้าม หัวใจ และปอด ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าและสดชื่น

20. ชวนป๋วย
ช่วยบำรุงปอด บรรเทาอาการไอ และช่วยลดเสมหะ

21. ตังกุย
คนไทยเรียกว่า โกษฐ์เชียง ได้มาจากรากไม้ของพืชตระกูลขึ้นฉ่าย มีกลิ่นหอมฉุนและรสหวานอ่อนๆ เป็นสมุนไพรจีนที่ดีที่สุดสำหรับสตรี เพราะช่วยบำรุงเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด บำบัดอาการประจำเดือนผิดปกติ ปวดประจำเดือน เลือดออกในมดลูก และโลหิตจาง นอกจากนี้น้ำมันในตังกุยยังช่วยหล่อลื่นลำไส้

22. อึ้งคี้
มีอีกหลายชื่อ เช่น ตงปัก ปั๊กคี้ เป็นพืชพื้นเมืองของจีน มีกลิ่นหอมและรสหวานเล็กน้อย นำส่วนรากมาทำยา ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ขับปัสสาวะ บำบัดอาการอ่อนล้า มดลูกหลุด บวมน้ำ เบาหวาน ไตอักเสบ

23. เง็กเต็ก
เป็นรากของสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง  ก่อนใช้นำมาฝานเป็นแผ่นบางๆ ช่วยขับพิษ แก้ไข้ แก้เจ็บคอและไอ ลดไขมันในเลือด

25. ซัวเซียม
มีสองประเภทคือ ปักซัวเซียมและหน่ำวัวเซียม นำรากตากแห้งมาใช้ประกอบอาหาร มีฤทธิ์เย็นและรสหวานอมขม ช่วยบำรุงปอด ลดอาการไอ ขับเสมหะ แก้ร้อนใน

26. โป๊ยกั๊ก
เป็นเครื่องเทศเก่าแก่ของจีนที่ใช้มานานกว่า 1,000 ปี คนไทยเรียกว่า จันทร์แปดกลีบ โป๊ยกั๊ก คือผลที่แห้งแล้วแตกออกเป็น 8 แฉก ช่วยบำบัดอาการท้องผูก ปวดท้อง ท้องเฟ้อ ถ่ายปัสสาวะยาก และบรรเทาอาการปวดหลัง


ที่มา...บ้านกับฮวงจุ้ย.com

เผยเคล็ดลับดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ลงกว่า 10 ปี ทำแบบนี้เพียง 30 วินาทีทุกวัน


เผยเคล็ดลับดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ลงกว่า 10 ปี ทำแบบนี้เพียง 30 วินาทีทุกวัน

การมีผิวสดใสและดูอ่อนเยาว์ แน่นอนคุณต้องใช้เวลาและความพยายามสำหรับการดูแลผิวและรักษาความสะอาดให้ผิวมีสุขภาพดี


สร้างนิสัยบางอย่างเพื่อช่วยรักษาความอ่อนเยาว์แก่ผิวคุณ คุณต้องเช็ดสมาร์ทโฟนให้สะอาดก่อนใช้ และเปลี่ยนปลอกหมอนของคุณเป็นประจำ ทำให้เป็นนิสัยเพราะมี ประโยชน์แน่นอนในการรักษาผิวของคุณ

และยังมีสิ่งอื่นอีกมากมายที่คุณต้องทำเพื่อให้คุณมีผิวเนียนนุ่มและสดใส นี่คือเคล็ดลับการดูแลผิวประจำวันที่สามารถทำให้ผิวของคุณอ่อนเยาว์

-ห้ามลืมทำความสะอาดล้างเครื่องสำอางก่อนที่จะเข้านอน ถ้าคุณมีเครื่องสำอางอยู่บนหน้าในขณะที่คุณนอนหลับเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

-เมื่อคุณทำความสะอาดใบหน้าของคุณเสร็จเรียบร้อยให้คุณนวดหน้าเบาๆทุกครั้ง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดซึ่งสามารถลดริ้ว รอยได้

-พยายามอย่าให้เกิดสิว เพราะจะยิ่งเพิ่มปัญหายุ่งยากให้กับคุณ

-หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าด้วยมือของคุณ จนกว่าคุณจะได้ล้างมือ เพราะมือของคุณมักจะได้สัมผัสกับเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียเป็นจำนวนมาก เมื่อสัมผัสไปที่ใบ หน้าเชื้อโรคต่างๆ จะเข้าไปสู่ผิวหน้าของคุณ

-พยายามกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อผิวของคุณ

-ให้เก็บอายครีมไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาความเย็นอยู่เสมอ

-อย่าใช้ก้อนน้ำแข็งบนใบหน้าของคุณเมื่อคุณมีสิว

-ใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสำหรับการรักษาผิวหน้าของคุณ ส่วนผสมจำนวนมากในครัวเรือนสามารถใช้เป็นประโยชน์ต่อผิวได้ เช่นข้าวโอ๊ต, น้ำมันมะพร้าว, น้ำตาล, ชา และ น้ำมันมะกอก

-ทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือของคุณอยู่เสมอ เพื่อให้ผิวของคุณไม่ต้องสัมผัสกับเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียเมื่อคุณใช้โทรศัพท์

-ควรมีผ้าขนหนูที่ใช้สำหรับใบหน้าโดยเฉพาะ ไม่ใช้รวมกับผ้าที่ใช้สำหรับเส้นผม

-ควรเปลี่ยนปอกหมอนของคุณอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

-การเกิดสิว อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายของคุณ คุณต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้

-ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมอย่างระมัดระวัง เพราะสามารถสร้างความเสียหายให้กับผิวของคุณได้

-ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อยับยั่งไฮเดรท

-กินอาหารออร์แกนนิค

-ผลัดเซลล์ผิวของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

-ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีสามารถทำลายผิวของคุณ

อ้างอิง : healthyfoodstar.com 
แปลข้อมูลโดย : http://www.rak-sukapap.com/