วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

น้ำมันมะพร้าว+เบกกิ้งโซดา สูตรหน้าสวยใส

ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาใช้ล้างหน้ากันอยู่นั้น ล้วนผสมสารเคมีไปด้วยเกือบทุกตัว ก่อนจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเราควรอ่านฉลากให้ชัดเจน โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่ายยิ่งต้องระวังเลยค่ะ แต่ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องนี้ แนะนำให้หันมาลองใช้การบำรุงจากธรรมชาติกันดูบ้างดีกว่าค่ะ สดสวยนำสูตรดีๆ มาฝากแล้วค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • น้ำมันมะพร้าว ½ ถ้วย
  • เบกกิ้งโซดา ½ ถ้วย

น้ำมันมะพร้าว

coconut-oil-baking-soda-beautiful-face-1
น้ำมันมะพร้าวนั้น มีคุณสมบัติในการต่อต้านไมโครแบคทีเรีย และให้ความชุ่มชื้น สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดใบหน้าได้ และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดความแห้งกร้าน ลดการอักเสบให้กับผิวได้ด้วยนะคะ

เบกกิ้งโซดา

coconut-oil-baking-soda-beautiful-face-2
นี่ก็นางเอกเรื่องความงามเหมือนกัน เบกกิ้งโซดาสามารถนำมาใช้ขัดผิวได้ดี ทำให้ผิวนุ่ม ลื่น นำไปผสมกับอะไรก็เวิร์คไปหมด

วิธีบำรุงผิว

  1. นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาผสมกันแล้วนำไปขัดใบหน้าเบาๆ นวดวนไปให้ทั่วใบหน้าประมาณ 5 นาที
  2. แล้วล้างทำความสะอาด
ผิวจะสะอาดหมดจดเผยความสดใส แล้วสิ่งสกปรกต่างๆ ก็จะหมดไป แต่ยังทิ้งความชุ่มชื้นเอาไว้ที่ผิว ไม่แห้งตึงอย่างแน่นอนค่ะ

ลองนำไปใช้กันนะคะสาวๆ เพราะผิวของเราต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอค่ะ

cr.http://www.healthandtrend.com/beauty/skin/coconut-oil-baking-soda-beautiful-face

แอปเปิ้ล + น้ำผึ้ง ลดรอยสิว ผิวกระจ่างใส

ปัญหารอยสิว เป็นปัญหาเรื้อรังต่อจากสิวที่เครียดมากกว่าสิบระดับ แต่อย่าเพิ่งเครียดกันไป ถ้าเราใส่ใจดูแลรักษาผิวอย่างสม่ำเสมอ ปัญหารอยสิวก็หายได้ หลายคนเลือกใช้ยารักษารอยสิว ซึ่งมันก็ได้ผลดีไม่แพ้กัน แต่วันนี้สดสวยจะนำสูตรธรรมชาติจาก แอปเปิ้ลที่มีวิตามินมากมายหลายอย่าง ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษารอยสิวได้อย่างดีด้วย บวกน้ำผึ้งที่ช่วยลดการอักเสบของผิวมาบอกต่อให้ลองทำกันดูค่ะ
apple-honey-to-reduce-the-appearance-of-acne

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • แอปเปิ้ล 1 ลูก
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. นำแอปเปิ้ลไปผ่าซีกแล้วนำไปปั่นรวมกับน้ำผึ้งให้ละเอียด
  2. จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปแต้มบริเวณรอยสิว หรืออาจจะพอกไว้ทั้งใบหน้าเลยก็ได้ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที
  3. แล้วล้างทำความสะอาดผิวให้เกลี้ยง
ทำสูตรนี้เป็นประจำรอยสิวก็จะค่อยๆ หายไป และผิวก็จะกระจ่างใสขึ้นด้วย แถมสิวก็ไม่กลับมาอีกด้วยนะคะสาวๆ สามารถทำคู่ไปกับยารักษารอยสิวได้เลยค่ะ

Cr.http://www.healthandtrend.com/beauty/skin/apple-honey-to-reduce-the-appearance-of-acne

เติมพลังให้ผิว เคล็ดลับง่ายๆ ที่ควรลอง

ร่างกายต้องการความแข็งแรงฉันท์ใด ผิวก็ต้องการความแข็งแรงฉันท์นั้น รู้ไหมคะสาวๆ ว่าเคยมีข้อมูลจาก น.พ.นิโคลัส เพอริโคน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผู้แต่งหนังสือ The Wrinkle Cure กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งผิวหนังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีตัวแปรหลายๆ อย่างมาทำให้ผิวหนังเราอ่อนแอลง แต่เราสามารถเติมพลังให้ผิวกลับมาแข็งแรงได้ค่ะ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้กันดูค่ะ
energize-the-skin-simple-tips-to-try

ลองงดไวเทนนิ่ง

เข้าใจว่าสาวๆ หลายคนอยากขาว แต่ความขาวจากไวเทนนิ่งไม่ได้ดีเสมอไปค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งมักจะเข้าไปหยุดการทำงานของเมลาโนไซด์ ทำให้ผิวหนังของเราบางลง พอโดนแสงแดดนานๆ และบ่อยขึ้นก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

เลี่ยงสารเคมี

สารเคมีมาจากไหน ก็มาจากสิ่งที่เราสัมผัสและใช้อยู่ทุกวันนั่นแหละค่ะ ถ้าเราลองหันไปหาธรรมชาติบ้าง ก็สามารถยืดอายุผิวให้ป่วยได้ช้าลงนะคะ

ป้องกันผิว

บำรุงอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ เราต้องป้องกันด้วย แสงแดดนี่แหละ ร้ายแรงที่สุด มันสามารถทำให้ผิวเสียได้ในชั่วพริบตา ก่อนที่จะเจอกับมะเร็งผิวหนัง เราจะเจอกับฝ้ากระเสียก่อนนี่แหละค่ะ

เสริมวิตามิน

ทำมาครบทุกอย่างแล้วก็ต้องเสริมเข้าไปด้วยค่ะ วิตามินผิวทั้งหลายมีความจำเป็นมากมาย ซึ่งหาได้ง่ายๆ ก็จากผักและผลไม้นี่แหละค่ะ เพราะมักจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ผิวเราแข็งแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ก็อาจเพิ่มวิตามินเข้มข้นที่ผิวจำเป็นต้องใช้ มันก็จะช่วยดูแลผิวให้สวยยาวนานค่ะ


หมดปัญหาเรื่องผิวเสียกันแน่นอน ถ้าลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ ใส่ใจผิววันละนิดผิวก็สดใสแล้วค่ะ
Cr http://www.healthandtrend.com/beauty/skin/energize-the-skin-simple-tips-to-try

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

INFOGRAPHIC: 6 ท่าโยคะง่ายๆ ลดปวดหลังช่วงล่าง

“ปวดหลังช่วงล่าง (Low back pain) เป็นอาการที่พบบ่อยมากอาการหนึ่ง บางการศึกษารายงานว่า เป็นอาการพบบ่อยเป็นที่ 2 รองจากอาการปวดศีรษะในผู้ใหญ่อายุ 20-30 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ 80% ของผู้ใหญ่จะเคยมีอาการนี้มาแล้ว โดยประมาณว่า 41% ของคนในช่วงอายุ 26-44 ปี มักเคยมีอาการปวดหลังในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้โอกาสปวดหลังเกิดได้ใกล้เคียงกันทั้งในเพศหญิงและเพศชาย”
อ้างอิง ปวดหลังช่วงล่าง (Low back pain) โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์, Haamor.com
อาการปวดหลังช่วงล่างนั้น นอกเหนือจากเป็นผลกระทบของโรคต่างๆ แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการทำมากเกินไปของกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อจึงเกิดการบาดเจ็บอักเสบ (ชนิดไม่ติดเชื้อ) ซึ่งเป็นสาเหตุมากกว่า 70% ของการปวดหลังช่วงล่างทั้งหมดด้วยเช่นเดียวกัน โดยอาการนี้นั้นเริ่มพบได้ตั้งแต่วัยทำงานที่มีอายุเข้าช่วง 30 ปีขึ้นไปด้วยนะ ผลกระทบที่น่ากลัวอีกอย่างคือ เมื่อเป็นหนักๆ เข้าอาจทำให้การกลั้นปัสสาวะและอุจจาระได้ต่ำลง
แบบนี้แล้วเพื่อนๆ คนไหนที่เริ่มมีอาการ มาลองใช้โยคะแก้อาการปวดเหล่านั้นกันดู เพื่อให้เข้าใจง่าย เฮียมีภาพอินโฟกราฟฟิกมาให้เพื่อนๆ ดูกัน และสามารถนำเอาท่าเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กันได้
six-yoga-poses-relieve-lower-back-pain

Cr.http://www.healthandtrend.com/healthy/healthy-tips/six-yoga-poses-relieve-lower-back-pain

7 ไอเดีย ผมเปียสุภาพใช้ได้ทุกงาน

ใครที่กำลังมองหาไอเดียการทำผม รวบผม มวยผม ให้ดูเรียบร้อยเหมาะกับกาลเทศะในช่วงเวลานี้ ลองนำไอเดียการถักเปียต่างๆ เหล่านี้พร้อมวิธีการทำไปลองใช้กันได้เลยค่ะ รับรองว่านอกจากจะสุภาพแล้วยังทำให้เรามีบุคลิกที่ดีขึ้นได้ด้วย
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-1
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-2
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-3
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-5
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-6
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-7
10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2-%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%a2-9

ไม่ผิดหวังกันเลยใช่ไหมคะ ใครชอบทรงไหนลองไปหัดทำตามกันได้เลยค่ะ

Cr.http://www.healthandtrend.com/beauty/beauty-tips/9-ไอเดีย-ผมเปีย

8 HOW TO แต่งตาแบบ ASIAN LOOK แบบง่ายๆ

เวลาดูซีรีย์เกาหลีหรือเมคอัพสาวเกาหลีในอินเตอร์เน็ต รู้สึกอยากแต่งตาสวยๆ หวานๆ ตามกับเขาบ้างไหมคะ หลายคนไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน อยากแต่งแต่จับคู่สีไม่เป็น เลือกเมคอัพไม่ถูก วันนี้สดสวยรวบรวม eye makeup tutorial มาฝากแบบอัดแน่น เลื่อนตามรัวๆ เลยค่ะ

1.

asian-look-1

2.

asian-look-2

3.

asian-look-3

4.

asian-look-4

5.

asian-look-5

6.

asian-look-6

7.

asian-look-7

8.

asian-look-8เริ่มรู้สึกง่ายขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะสาวๆ ใครที่ยังรู้สึกว่ายากค่อยๆ ทำความเข้าใจ แต่งไปทุกวันเดี๋ยวจะทำให้เราเก่งและสวยขึ้นค่ะ ^^

Cr. http://www.healthandtrend.com/beauty/beauty-tips/asian-look-eye-makeup-tutorial

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

NATURAL LOOKS โทนสีนี้เหมาะกับทุกโอกาส

สีสันที่เราสามารถแต่งหน้าได้ทุกโอกาส ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นโทน Natural ซึ่งนอกจากจะมีกาลเทศะแล้ว ยังทำให้เรากลายเป็นผู้หญิงที่สวยสง่าอีกด้วย เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าแต่งหน้าแบบไหนไปรอดทุกสถานการณ์ค่ะ
natural-looks-1
natural-looks-2
natural-looks-3
natural-looks-4
natural-looks-5
natural-looks-6
https://www.pinterest.com/pin/Adt3xZ-i0WUEHqrB-lGKa72rGSQCE6_vcVGQrAkNIye4xj2rPhnQlII/
เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าถึงแม้จะเป็นสีเรียบง่าย แต่ก็สามารถปังได้ไม่แพ้สีสันฉูดฉาดเลยนะคะ :)
Cr.http://www.healthandtrend.com/beauty/beauty-tips/natural-looks

ปากคล้ำก็ทำได้ ทาลิปสติกไล่เฉดแบบสาวเกาหลี

ริมฝีปากคล้ำอย่าเพิ่งหมดกำลังใจในการทาลิปสติกนะคะ สาวๆ หลายคนที่มีปัญหาริมฝีปากคล้ำ แต่อยากตกแต่งริมฝีปากแบบสาวเกาหลี มาทางนี้เลยค่ะ วันนี้สดสวยหาเคล็ดลับมาบอกต่อให้แล้ว พร้อมแต่งตามกันไปได้เลยค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
  • ลิปไพร์เมอร์ / คอนซีลเลอร์ / รองพื้นแบบน้ำ / แป้งพัฟ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้)
  • ลิปสติกสีอ่อน-กลาง
  • ลิปสติกสีเข้ม
  • แปรงทาริมฝีปาก

มาเริ่มการตกแต่งริมฝีปากแบบสาวเกาหลีกันได้เลยค่ะ!

Step 1 : ใช้คอนซีลเลอร์ ฯลฯ ที่เตรียมไว้ ทาทับขอบปากที่ดำคล้ำให้เนียน
Step 2 : เลือกลิปสติกสีกลางหรือสีอ่อนทาให้ทั่วทั้งริมฝีปาก
Step 3 : ใช้ลิปสติกสีเข้มทาบริเวณริมฝีปากด้านในเหมือนเวลาเราทา tint เลยค่ะ
Step 4 : ใช้แปรงที่เตรียมไว้เบลนสีให้ไล่เฉดกัน อย่าให้มีรอยต่อของลิปสติก
ombre-lips

เพียงแค่นี้เราก็จะได้ริมฝีปากไล่เฉดหรือ Ombre แบบสาวเกาหลีที่ใฝ่ฝัน โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าริมฝีปากจะคล้ำเสียหรือไม่ ใครอยากแต่งริมฝีปากแบบนี้รีบนำไปลองเลยค่ะ :)

Cr.http://www.healthandtrend.com/beauty/beauty-tips/ปากคล้ำก็ทำได้-ทาลิปสติ

3 พฤติกรรม ยืน นั่ง นอน ที่ส่งผลให้กระดูกเสื่อมก่อนวัย

กิริยาอาการที่แสดงออกของเรานั้น ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนมีผลต่อบุคลิกลักษณะของเราทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้วพฤติกรรมบางอย่างที่เราประพฤติปฏิบัติจนเป็นความเคยชินยังส่งต่อกระดูกของเราอีกด้วย ทำให้กระดูกเกิดการคดงอบิดเบี้ยวจนผิดรูปแล้ว ยังอาจทำให้มีอาการกระดูกเสื่อมก่อนวัยตามมาอีก มีพฤติกรรมอะไรบ้างนั้นที่เรามักจะทำจนเป็นนิสัยที่ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพและสุขภาพมาดูกันเลย
3-behavioral-sitting-standing-that-affects-bone-alignment-premature

1.ยืนแอ่นพุง แถมชอบทำหลังค่อม

การยืนแอ่นพุงหรือเดินหลังค่อมไม่เพียงจะทำให้เสียบุคลิกภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อกระดูกอีกด้วย เนื่องจากพฤติกรรมที่ชอบยืนแอ่นพุงไปข้างหน้า หรือยืนหลังค่อม อาจส่งผลให้กระดูกเกิดการบิดเบี้ยวผิดรูปได้

2.นอนขดตัว

คนแต่ละคนก็มีท่านอนประจำตัวที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าคุณจะนอนท่าไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียง โดยในแต่ละวันควรที่จะหลับให้ได้ 6 – 8 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามการนอนในช่วงเวลาที่นานขนาดนี้อาจส่งผลให้คนที่ติดนิสัยชอบนอนเอียงตัวหรือขดตัวอยู่เป็นประจำ มีรูปทรงของกระดูกที่ผิดรูปไปได้

3.ชอบนั่งกอดเข่า

การนั่งกอดเข่าไม่ใช่แค่ท่านั่งของคนมีความทุกข์เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายกระดูกอีกด้วย เนื่องจากจะทำให้หลังช่วงบน สะบักและหัวไหล่ยืดยาวออกไป บริเวณหลังส่วนบนจะค่อมและงุ้มไปข้างหน้า ส่งผลให้ให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า ซึ่งก็จะส่งผลต่อเส้นประสาทช่วงแขนและมือจนอาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรงได้
อีกทั้งยังจะทำให้กล้ามเนื้อคอมีอาการเกร็ง เนื่องจากกระดูกคอผิดรูป จนส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดศีรษะ หรืออาจทำให้เกิดอาการไมเกรนเรื้อรังได้เลยทีเดียว


นอกจากนี้แล้วยังพฤติกรรมความเคยชินอื่น ๆ อีกที่ทำให้เสียบุคลิกภาพและยังเสี่ยงต่อการเกิดอาการกระดูกเสื่อม เช่น การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว นั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น นั่งหลังงอ หลังค่อม หิ้วของหนักด้วยนิ้ว ใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง เป็นต้น

Cr.http://www.healthandtrend.com/healthy/healthy-tips/3-behavioral-sitting-standing-that-affects-bone-alignment-premature

ผู้หญิงห่างไกลเบาหวาน… แค่รู้เท่าทัน

จากข้อมูลของสหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติระบุว่าปัจจุบันมีผู้หญิงมากกว่า 199 ล้านคนเป็นเบาหวาน และจะเพิ่มเป็น 313 ล้านคนในปีพ.ศ. 2583 อีกทั้ง เบาหวานยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 9 ของผู้หญิงทั่วโลกอีกด้วย
ดังนั้น เนื่องในวันเบาหวานโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี จึงอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความรุนแรงและรู้เท่าทันโรคเบาหวานก่อนจะสายเกินไป เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป บวกกับเมนูรสหวานที่มีให้เลือกทานได้ง่ายดาย ทั้งบิงซู ไอศกรีม เครื่องดื่มรสหวาน ขนมเค้ก และอีกมากมาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณเกินความต้องการในแต่ละวัน นำไปสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในคุณผู้หญิง
shutterstock_538071283
แพทย์หญิงรัตนพรรณ สมิทธารักษ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า…
โรคเบาหวานเกิดจากเซลล์ร่างกายมีความผิดปกติในกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงาน ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างโดยตับอ่อนและมีหน้าที่ในการส่งต่อน้ำตาลในเลือด ไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายได้เพียงพอ ร่วมกับภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ไม่สามารถนำอินซูลินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติทำให้เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย และหากไม่รีบเข้ารับการรักษาหรือไม่รู้ตัวว่าเป็น ปล่อยปละละเลยอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
“หากระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารมากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรและระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมมากกว่า 6.4 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปจะถือว่าผู้นั้นเป็นโรคเบาหวาน โรคนี้ถือเป็นโรคที่น่ารำคาญโรคหนึ่ง เพราะเมื่อเป็นแล้วจะส่งผลในระยะยาว รวมถึงนำมาซึ่งความรุนแรงถึงชีวิตได้ หากไม่ควบคุมและทำการรักษาอย่างถูกต้องไม่ว่าจะเป็น ตาบอด ไตวายเรื้อรัง สูญเสียขา หลอดเลือดหัวใจอุดตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น ดังนั้น ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งควบคุมได้เร็ว จะช่วยชะลอผลแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้”

%e0%b8%9e%e0%b8%8d-%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%93

โรคเบาหวานสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด

  1. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes) เกิดจากตับอ่อนไม่ผลิตอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง มักพบในเด็กหรือผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี รักษาโดยการฉีดอินซูลิน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานและการออกกำลังกาย
  2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) พบมากในคนไทย เกิดจากตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่มากนัก ส่งผลให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งอายุที่เพิ่มมากขึ้นมีส่วนทำให้การทำงานของตับอ่อนลดประสิทธิภาพลง หากเป็นแล้วรักษาได้โดยการทานยาและฉีดยา พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานและการออกกำลังกาย เหตุเพราะในปัจจุบันคนไทยเป็นโรคอ้วนกันมากแพทย์หญิงรัตนพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ส่วนใหญ่แล้วคนอ้วนมักเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากเกิดภาวะดื้ออินซูลิน เพราะเวลาที่ไขมันมีปริมาณมากส่งผลให้อินซูลินทำหน้าที่ได้ไม่ดีนักในการส่งน้ำตาลในเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งการควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ จะช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานได้”
  3. โรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปจากการตั้งครรภ์ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน มีแนวโน้มที่จะมีระดับน้ำตาลสูงขึ้น ดังนั้นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป หรือคุณแม่ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน เช่น มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์สูง ครรภ์แฝด หรือผู้มีบุตรยาก เป็นต้น จำเป็นที่จะต้องตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ 2 และ 3 หากคุณแม่เป็นเบาหวานจะส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ การรักษานั้นจะเน้นการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงกับคุณแม่และทารกน้อยที่สุดและดูแลเรื่องการรับประทานอาหารอย่างใกล้ชิด
  4. โรคเบาหวานชนิดอื่นที่มีสาเหตุเฉพาะ ได้แก่ ความผิดปกติทางพันธุกรรม ความผิดปกติของฮอร์โมน การได้รับยาบางชนิด เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์หรือสารเคมี เป็นต้น การรักษาจะพิจารณาจากอาการของแต่ละบุคคล อาการของโรคเบาหวานที่สามารถสังเกตได้และควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วคือ ปัสสาวะบ่อย, น้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ, กระหายน้ำบ่อย กินจุมากกว่าปกติ, ชาปลายมือปลายเท้า อ่อนเพลีย, คลื่นไส้ เวียนหัว หงุดหงิด และเกิดอาการตามัวบ่อยๆ รู้สึกไม่มีสมาธิเพิ่มมากขึ้น
เบาหวานป้องกันได้เมื่อยังไม่เป็น ได้แก่ เลี่ยงของหวาน น้ำอัดลม น้ำรสหวานทุกชนิด, รับประทานให้ถูกสัดส่วน เลือกรับประทานอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย, ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์, อาหารควรเน้นรสจืด โดยเฉพาะมื้ออาหารประจำวันในครอบครัว และ รักษาน้ำหนักให้คงที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่เหมาะสม แต่หากป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว สิ่งที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรทำเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นเบาหวานคือ ให้ยอมรับตัวเองและเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ, ให้ความร่วมมือในการรักษา รับประทานยาและปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด, ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, เลี่ยงน้ำหวาน ผลไม้หวาน ลดไขมันและอาหารรสเค็ม เน้นการรับประทานทานผักให้มาก ที่สำคัญควรดูแลระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด ควบคุมความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือด
เนื่องในวันเบาหวานโลก 2017 ปีนี้สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ มุ่งเน้นเรื่องของโรคเบาหวานและผู้หญิงเป็นหลัก แพทย์หญิงรัตนพรรณ กล่าวทิ้งท้ายถึงการใส่ใจให้ห่างไกลจากโรคว่า
“เบาหวานเป็นเรื่องใกล้ตัว คนที่ไม่มีกรรมพันธุ์ก็สามารถเป็นได้ เพราะฉะนั้นควรดูแลตนเอง ไม่ติดกับรสหวาน เพราะประโยชน์ที่ได้รับน้อยมาก ถ้าเลี่ยงได้จะดีต่อสุขภาพ  ยิ่งผู้หญิงยุคใหม่สามารถเลือกได้ว่าจะไปกินของหวาน หรือไปออกกำลังกาย เพราะหากระวังตั้งแต่วันนี้ จะช่วยลดความ เสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานในระยะยาวได้”
shutterstock_499280881
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อกรุงเทพ  โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร 02- 755-1129, 02-755-1130 หรือ call center โทร. 1719

Cr.http://www.healthandtrend.com/healthy/healthy-tips/diabetes-and-woman

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

คุ้มค่า 3 วิธีใช้แผ่นมาส์กหน้าให้ได้ผลดีสุด

เชื่อได้เลยว่าแผ่นมาส์กหน้าแบบซองๆ มักจะเป็นตัวช่วยสำหรับสาวๆ ที่ต้องการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน หรือใครที่ผิวโรยราก็มักจะมองหาสิ่งนี้มาบำรุงกันเป็นประจำ เพราะมันทำให้ผิวชุ่มชื่น เอิบอิ่ม แค่บำรุงเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกได้ถึงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อัดแน่นลงบนผิว แต่วันนี้เรามีมากกว่าการบำรุงด้วยแผ่นมาส์กมาบอกต่อ เพราะเราจะนำวิธีการใช้มาส์กที่ถูกต้องและคุ้มค่าที่สุดมาฝากค่ะ
3-how-to-use-the-mask-to-get-the-best-results

1.นวดซองก่อนใช้

ใครๆ ก็ฉีกซองดึงมาส์กแล้วโปะหน้ากันเลยใช้ไหมล่ะ ก่อนใช้เราไม่รู้หรอกว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ในมาส์กนั้นมันนอนก้นหรือชุ่มฉ่ำทั่วแผ่นมาส์กหรือเปล่า เพราะฉะนั้นต้องนวดซองให้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้านในไหลอย่างทั่วถึงก่อนใช้ค่ะ

2.รีดแผ่นมาส์กให้ตึง

หลายๆ คนเริ่มต้นวางแผ่นมาส์กที่ด้านบนหน้าผากใช่ไหมล่ะ ลองใหม่ค่ะ เริ่มจากวางที่ตรงกลางใบหน้านั่นก็คือจมูกนั่นเอง แล้วค่อยๆ รีดแผ่นมาส์กให้แนบกับผิวไปเรื่อยๆ จนถึงขอบแผ่นมาส์ก ถ้ามันไม่พอดีก็ค่อยขยับทีหลัง และพยายามอย่าขยับใบหน้าระหว่างมาส์กอยู่จะดีที่สุดค่ะ และควรอยู่ในท่านอนหงาย อยู่นิ่งๆ สัก 20 นาที เท่านั้นเองค่ะ

3.ใช้มาส์กบำรุงต่อได้

หลังจากครบ 20 นาที ที่บำรุงผิวหน้าไปแล้ว เชื่อเถอะว่าแผ่นมาส์กยังไม่แห้งหรอก โดยเฉพาะแผ่นมาส์กที่เป็นแผ่นเจล วิธีที่คุ้มค่าคือ นำแผ่นมาส์กไปใส่ในซองอีกครั้งแล้วนวดใหม่ค่ะ เนื้อมอยส์เจอร์ไรเซอร์จะยังคงอยู่ ซึ่งเราสามารถนำส่วนที่เหลือมาบำรุงผิวคือหรือมือต่อได้ สุดคุ้มเลยใช่ไหมล่ะ

เคล็ดลับง่ายๆ ทำให้เราสามารถใช้แผ่นมาส์กได้อย่างคุ้มทุกหยดหยาดแล้วล่ะค่ะ ต่อไปใครใช้มาส์กแบบนี้อย่าลืมเคล็ดลับดีๆ ที่สดสวยนำมาแชร์ไปใช้ดูนะคะ

cr http://www.healthandtrend.com/beauty/skin/3-how-to-use-the-mask-to-get-the-best-results

ไม่ง้อเลเซอร์ นี่เลย! ส่วนผสมลดรอยแตกลาย

ปัญหาผิวแตกลายไม่ว่าจะบริเวณไหน ทำให้ผู้หญิงขาดความมั่นใจได้หมดทั้งสิ้น เพราะทุกๆ คนอยากมีผิวที่กระจ่างใสเนียนสวยไร้ตำหนิ หลายคนมองหาเลเซอร์เป็นตัวช่วย แต่งบประมาณก็สูงจนต้องปาดเหงื่อ วันนี้สดสวยเลยนำเคล็ดลับจากธรรมชาติมาบอกต่อ รอดูเลยค่ะว่าสิ่งไหนเหมาะกับเราบ้าง

โกโก้ บัตเตอร์ + น้ำมันมะกอก

no-laser-here-ingredients-reduce-stretch-marks-2
ถือว่าเป็นส่วนผสมช่วยบำรุงผิวชั้นดีเลยค่ะ แค่ผสมโกโก้ บัตเตอร์กับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แล้วจึงนำมาทาลงบนผิวที่มีปัญหาแตกลาย ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ควรทำเป็นประจำวันละ 2 ครั้งก็จะสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออก ช่วยเผยผิวใหม่ให้กลับมาเนียนนุ่มขึ้นได้ สูตรนี้เหมาะกับคนผิวแห้งมากๆ ด้วยนะคะ

น้ำส้มสายชู + น้ำมันมะกอก

no-laser-here-ingredients-reduce-stretch-marks-4
ผสมน้ำมันมะกอกกับน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าให้เข้ากัน จากนั้นนำมานวดบนผิวที่มีรอยแตกลาย สามารถใช้แทนครีมบำรุงผิวทุกครั้งก่อนนอนได้เลย สูตรนี้ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวแตกลายให้กลับมาเนียนสวยในระหว่างนอนหลับได้ค่ะ

น้ำมันอัลมอนด์ + น้ำตาลทราย + น้ำมะนาว

no-laser-here-ingredients-reduce-stretch-marks-1
ผสมส่วนผสมทุกอย่างลงไปด้วยกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาสครับผิวบริเวณที่มีรอยแตกลาย ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผิวก็จะกลับมาเนียนได้เหมือนเดิมค่ะ

เป็นสูตรที่ DIY กันได้อย่างลงตัวเลยนะคะ ใครสะดวกแบบไหนจัดไปดูแลผิวให้เนียนสวยกันด่วนๆ เลยค่ะ
Cr. http://www.healthandtrend.com/beauty/skin-trouble/no-laser-here-ingredients-reduce-stretch-marks