วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

แชร์เก็บไว้อ่านเลย! 14 วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่ายๆ อยากหายปวดแบบเห็นๆ


แชร์เก็บไว้อ่านเลย! 14 วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่ายๆ อยากหายปวดแบบเห็นๆ 

จากผลการสำรวจพบว่า คนทั่วไปถึง 80% ไม่ว่าจะช่วงอายุไหนก็ปวดหลังได้ มีตั้งแต่ปวดน้อยไปถึงปวดมาก มาหา วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่าย ๆ กันดีกว่า

1.ไปลงเรียนโยคะ 

อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนที่เสริมความแข็งแกร่งให้ยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนหลัง ก็ช่วยลดอาการปวดหลังได้ทั้งนั้น จากการศึกษาในแคนาดาค้นพบว่า ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง เมื่อได้เล่นโยคะหรือพิลาทีสติดต่อกันสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ประมาณ 1 ปีขึ้นไป กล่าวว่ารู้สึกปวดหลังน้อยลงมาก ดีกว่าผู้ป่วยที่รักษาตัวตามแพทย์สั่งปกติ 

2.กระเป๋าหนักไปไกลๆเลย

ใช่แล้วล่ะ สะพายกระเป๋าหนักๆไว้บนไหล่เป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อหลังของคุณทำงานหนักและเสียสมดุลได้ หากไม่เลือกพกของน้อยลงและสะพายกระเป๋าใบเล็กลงหน่อย ก็แบ่งสัมภาระไว้ในกระเป๋า 2 ใบ แล้วค่อยๆหิ้วโดยใช้แขนทั้งสองข้างละกัน 

3.ลงทุนซื้อพรม 

รู้สึกสบายเท้าและหลังมากกว่ามั้ยเมื่อคุณเหยียบลงบนพรม แทนที่จะเป็นพื้นกระเบื้องแข็งๆ เย็นๆ เพราะการยืนอยู่บนพื้นแข็งๆ เป็นเวลานานๆ จะทำให้แผ่นหลังส่วนล่างหรือก้นกบทำงานหนักและโดนกดทับได้ ดังนั้นปูพรมหนานุ่มให้บริเวณที่คุณมักยืนนานๆ อย่างหน้าอ่างล้างหน้าเพื่อความรู้สึกสบายขึ้นในทันทีจะดีกว่า 

4.ประคบเย็น 

ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังปวดหลัง ควรประคบด้วยถุงน้ำแข็ง ผ้าเย็นจัดๆ หรือถุงถั่วก็ได้ ทำวันละหลายๆ ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาที การประคบ ณ จุดที่ปวดจะช่วยปิดเส้นเลือดที่บอบช้ำและลดการคั่งของเลือดในบริเวณนั้น จึงช่วยลดอาการบวมได้ 

5.เปลี่ยนเป็นประคบร้อน 

หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว ใช้แผ่นความร้อนหรือถุงน้ำร้อนประคบหลังที่ปวดเป็นเวลา 20 นาที วันละหลายๆ ครั้งแทน เพราะความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยเปิดให้ออกซิเจนเข้ามาช่วยเหลือตรงจุดที่ปวด แค่นี้ก็สบายหลังละ 

6.ท่าบริหารหลัง 

แทนที่จะเกลียดกลัวการก้มลงแตะนิ้วเท้าอย่างสุดๆ ลองเลือกท่าบริหารกล้ามเนื้อหลังและต้นขาด้านหลัง ด้วยการตั้งส้นเท้าข้างหนึ่งไว้บนเก้าอี้ จากนั้นโน้มตัวมาด้านหน้า เหยียดแขนให้สุดแล้ววางมือลงเหนือเท้าประมาณ 15 เซนติเมตร จนคุณรู้สึกตึงที่ขาด้านหลังและก้นกบ คางไว้ประมาณ 5-10 วินาที ทำสลับข้างไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเอง 

7.ปราณีร่างกายหน่อย 

รู้ไหมว่า อารมณ์เข้ามามีส่วนกับความเจ็บปวดได้มากทีเดียว ทั้งความเครียด ความกลัว และความวิตกกังวล จะยิ่งเข้าไปสั่งสมองให้รู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นพยายามคลายเครียดด้วยการหายใจเข้าลึกๆ และปล่อยออกยาวๆ ยอมรับกับความเจ็บปวดและปล่อยวางบ้าง 

8.จัดท่าใหม่ 

ยอมรับหรือไม่ว่าคุณชอบนอนตะแคงแถมขดตัวอีก แก้ใหม่ด้วยการหาหมอนข้างมากอด วิธีนี้จะช่วยดันให้หลังของคุณตั้งตรง ส่วนคนที่ชอบนอนหงาย ก็สามารถป้องกันการกดทับหลังได้ด้วยการหาหมอนหรือหมอนข้างมารองใต้เข่าทั้ง 2 ข้าง แค่นี้ก็จะช่วยจัดกล้ามเนื้อหลังของคุณให้โค้งตามธรรมชาติ 

9.พักขาบ้างนะ 

ขาเป็นเหมือนพาหนะของร่ายกายที่ต้องโลดแล่นตลอด ดังนั้นเมื่อคุณต้องทำกิจกรรมที่ต้องยืนนานๆ อย่างยืนล้างจาน ก็ควรพักขาสลับกันไปมาบ้าง วิธีนี้จะช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ และลดน้ำหนักที่กดทับบริเวณหลังส่วนล่างได้ 

10.จองห้องนวด 

ถือเป็นข้ออ้างในการช่วยบำบัดหลังได้เลย หากคุณจะบอกทางบ้านว่า ขอเวลาไปสปานวดตัวอาทิตย์ละครั้งนะ เพราะมีการศึกษาพบว่า กลุ่มทดสอบที่ได้รับการนวดทุกอาทิตย์เป็นเวลาติดต่อกัน 10 อาทิตย์ มีอาการปวดหลังน้อยลง เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้นวดเลย 

11.ตรวจทิชชู่ 

รู้หรือไม่ว่า ไม่น้อยเลยที่เกิดอาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบจากการเอี้ยวตัวผิดท่าในห้องน้ำ หาที่วางทิชชู่ให้ดีๆ พอทำกิจวัตรถ่ายเบาหรือหนักเสร็จแล้ว จะได้ไม่ต้องเผลอเอี้ยวตัวไปหยิบให้หลังเคล็ด 

12.นั่งหลังตรง 

โซฟานุ่มๆ น่ะทำให้รู้สึกสบายและรีแลกซ์สุดๆ แต่รู้หรือไม่ว่ายิ่งนุ่ม หรือยิ่งไม่มีพนักคอยพยุงหลัง ยิ่งทำให้แผ่นหลังโดนกดทับมากขึ้นถึง 3 เท่า ดังนั้นคราวหน้าก่อนดูละครเรื่องโปรด อย่าลืมหาหมอนมารองหลัง พร้อมนั่งหลังตรง แผ่นเท้าติดพื้นทั้ง 2 ข้างด้วยล่ะ 

13.ขับฉลาดขึ้น 

เพื่อการนั่งขับรถอย่างถูกวินัยขึ้น เพียงปรับระดับกระจกส่องหลังให้สูงขึ้นเล็กน้อย แค่นี้ก็ทำให้คุณยืดตัวยาวขึ้น และเมื่อยหลังน้อยลงแล้ว 

14.เปลี่ยนเตียงดีมั้ย 

กลายเป็นว่าเตียงหนาแน่นไม่ดีต่อสุขภาพแล้วซะงั้น เพราะจากผลการสำรวจพบว่า กลุ่มคนที่นอนบนเตียงแบบแน่นมักมีอาการปวดหลังมากกว่าคนที่นอนบนเตียงสปริงนุ่มๆ อย่าลืมว่าคุณใช้เวลาวันละ 8 ชั่วโมงบนนั้นนะ ก็เทียบเท่ากับประมาณ 3,000 ชั่วโมงต่อปีทีเดียว คุ้มมากที่จะเลือกอย่างดี จริงมั้ยล่ะ 

เครดิต: นิตยสาร lisa
ภาพจาก wikiHow

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น