วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สิวกับฝีต่างกันอย่างไร ไขข้อข้องใจ พร้อมวิธีรักษาฝีเบื้องต้น

สิวกับฝีต่างกันอย่างไร
          
          สิวกับฝีต่างกันอย่างไร เมื่อมีตุ่มเล็ก ๆ แดง ๆ ขึ้นตามใบหน้าหรือร่างกาย เราจะรู้ได้อย่างไรงว่าเป็นสิวหรือฝีกันแน่ แล้วถ้าเป็นฝีจะรักษาเบื้องต้นอย่างไรดี วันนี้เรามีข้อมูลมาให้ศึกษากันค่ะ


          สืบเนื่องจากกรณีของ "กวาง กมลชนก" หวิดเสียโฉม เนื่องจากมีตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นบนใบหน้า เพราะตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงแค่สิว แต่ที่ไหนได้เมื่อไปพบคุณหมอกลับมาทราบภายหลังว่าตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ที่ขึ้นนั้นคือ "ฝี" ไม่ใช่ "สิว" จึงต้องรีบรักษาด้วยการขูดเอาหนองออกจนใบหน้าเกิดเป็นรูโบ๋ งานนี้เรียกได้ว่าเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ เพราะตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ที่คิดว่าไม่มีอะไรเกือบทำเอาหวิดเสียโฉมกันเลยทีเดียว 
สิวกับฝีต่างกันอย่างไร

สิวกับฝีต่างกันอย่างไร
          สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เชื่อว่ายังมีคุณสาว ๆ อีกหลายคนที่แยกไม่ออกเช่นเดียวกัน ว่าเวลามีตุ่มเล็ก ๆ แดง ๆ ขึ้นบนใบหน้าหรือตามร่างกายนั้น แท้จริงแล้วมันคือสิวหรือฝีกันแน่ เพราะดูผิวเผินแล้วทั้งสองอย่างช่างดูคล้ายกันเหลือเกิน แล้วอย่างนี้เราจะแยกออกได้อย่างไร เอาเป็นว่าใครที่กำลังสงสัยและกังวลใจเรื่องนี้อยู่ วันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลมาฝากกันแล้วค่ะ

สิวกับฝีต่างกันอย่างไร

สิวกับฝีต่างกันอย่างไร


          "สิว" เกิดขึ้นจากการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณรูขุมขน เมื่อมีการอุดตันจึงเกิดเป็นสิวขึ้นมาเช่น สิวหัวขาว หรือสิวหัวดำ ทั้งนี้หากบริเวณรูขุมขนที่อุดตันนั้นมีการติดเชื้อแบคทีเรียก็จะทำให้เกิดการอักเสบ กลายเป็นสิวอักเสบขึ้นมาโดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดง หรือตุ่มหนองเม็ดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก เป็นต้น

          ส่วน "ฝี" นั้น เกิดขึ้นจากการอักเสบและติดเชื้อ มักมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของหนองอยู่บริเวณใต้ผิวหนัง และจะมีอาการปวด บวม แดง ร้อน และตุ่มจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อหนองแตกหรือมีการเอาหนองออกแล้วอาการเจ็บปวดถึงจะทุเลาลง

          ทั้งนี้แม้ว่าสิวและฝีจะมีลักษณะที่คล้ายกันก็จริงอยู่ แต่ถ้าสังเกตให้ดี ฝีจะมีลักษณะของตุ่มที่ใหญ่กว่าสิว โดยทั่วไปแล้วฝีมักจะมีขนาดเท่าเม็ดถั่วไปจนถึงลูกกอล์ฟ และจะมีอาการปวดระบมมากกว่า ทั้งนี้ถ้าเป็นสิวจะสามารถหายได้เองและใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้าเป็นฝีอาการบวมแดงจะเกิดขึ้นหลายวัน รวมถึงอาการเจ็บบวมก็จะไม่ลดลงจนกว่าจะได้รับการรักษาที่ถูกวิธี ซึ่งฝีนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ลำตัว แขน ขา ใต้รักแร้ หรือก้น ส่วนสิวจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันเท่านั้น อย่างเช่น ใบหน้า ศีรษะ หน้าอก และแผ่นหลัง เป็นต้น ทั้งนี้ถ้าหากสิวมีการอักเสบมาก ๆ ก็อาจจะพัฒนากลายเป็นฝีได้เช่นเดียวกัน

สิวกับฝีต่างกันอย่างไร

วิธีรักษาฝี


          - สำหรับวิธีรักษาฝี เบื้องต้นให้ใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ชุบน้ำอุ่น แล้วนำมาประคบหัวฝีประมาณ 20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง วิธีนี้จะเร่งให้ฝีแตกเร็วขึ้น และจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะและทายาที่หัวฝีเพื่อฆ่าเชื้อโรค 

          - แต่ถ้าหากเป็นฝีใหญ่มีหนอง จะต้องไปพบแพทย์เพื่อผ่าตัดเอาหัวฝีและหนองออก และรับประทานยาแก้อักเสบร่วมด้วย ซึ่งในระยะนี้ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ และควรหมั่นทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะแห้ง เพื่อป้องกันการอักเสบหรือติดเชื้อ 

          - ในกรณีที่เป็นฝีแล้วมีไข้ร่วมด้วยอาจจะต้องใช้วิธีรักษาโดยการฉีดยาปฏิชีวนะ เพราะอาการนี้แสดงว่าเชื้อของฝีกำลังกระจายเข้าสู่กระแสเลือดนั่นเองค่ะ

          ทีนี้สาว ๆ ก็คงจะแยกระหว่างสิวกับฝีออกแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้าหากใครที่ยังไม่แน่ใจละก็ แนะนำอย่าบีบสิวหรือฝีเอง ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาจะดีที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตรายและจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียโฉมอย่างไรล่ะคะ

ภาพจาก : Instagram kwang.kamolchanok


Cr.http://women.kapook.com/view158133.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น