วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บรรเทาความหิวยามดึกแบบไม่รู้สึกผิด


       กินดึกไม่ดีใครๆ ก็รู้ แต่ถ้าความหิวไม่ปราณี แสบท้องจนนอนไม่ได้ จะทำยังไงดีล่ะ?! อะไรกินได้และอะไรกินไม่ได้

      กินได้   

    น้ำเต้าหู้
      น้ำเต้าหู้ที่มีขายทั่วไปในตลาดโต้รุ่ง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบรรเทาความหิวยามกลางคืน นอกจากจะอุ่นท้องแล้ว ยังมีกรดอะมิโนทริปโตฟานที่ช่วยให้คุณหลับสบายอีกด้วย ควรเลือกดื่มแบบที่ไม่เติมน้ำตาลและธัญพืชอะไรเลย ระบบย่อยจะได้ไม่ต้องทำงานหนักมากนัก แต่หากติดหวานก็พออนุโลมให้ใส่น้ำตาลได้ 1 ช้อนชา

    ส้ม
       ส้มเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารมากมายทั้งวิตามินเอ บี ซี และอื่นๆ แต่ก็มีน้ำตาลสูงเช่นกัน เวลากินต้องกินทั้งผลเท่านั้น ไม่ควรดื่มเฉพาะน้ำส้มคั้น เพราะจะให้น้ำตาลในปริมาณเกินพอดี หากคุณกินแล้วต้องกลับไปทำงานต่อ รสเปรี้ยวๆ หน่อยของส้มจะช่วยลดความเครียดและทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้น

    แอปเปิ้ล
       ถ้าเป็นแอปเปิ้ลเขียวก็ดี แต่ถ้าไม่มี แอปเปิ้ลแดงก็ได้ เพราะผลไม้ชนิดนี้มีใยอาหารสูง ทำให้คุณอิ่มท้อง แต่มีแคลอรีค่อนข้างต่ำ ลูกขนาดประมาณหนึ่งกำมือให้พลังงานไม่ถึง 60 แคลอรีด้วยซ้ำ

    น้ำเปล่า 
       หากคุณจำเป็นต้องอยู่ดึก ควรจิบน้ำเปล่าเรื่อยๆ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ และให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นลองดื่มน้ำสักแก้วสองแก้ว รอสัก 10 นาที หากท้องยังร้องไม่หยุด ค่อยตรงเข้าไปค้นตู้เย็นหาตัวช่วยบรรเทาความหิวอื่นๆ

       อย่าได้กินเด็ดขาด
    กล้วยหอม
 
      กล้วยหอมจัดเป็นอาหารเพิ่มพลังงาน เพราะมีแคลอรีสูงมากถึงประมาณ 100 แคลอรีต่อผล เคยมีผลจากการวิจัยพบว่าแค่กล้วยหอมเพียง 2 ผล ก็สามารถให้พลังงานได้มากถึง 90 นาที แม้กล้วยหอมจะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมที่เหมาะกับคนที่มีอาการบวมน้ำ ก็ไม่ใช่อาหารที่เหมาะสำหรับรับประทานยามใกล้เข้านอนอยู่ดี

    โจ๊ก
      คุณอาจคิดว่าอาหารอ่อนๆ อย่างโจ๊กหรือข้าวต้ม เป็นอาหารย่อยง่ายเหมาะกับการกินยามดึก แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ทั้งสองอย่างให้พลังงานที่ค่อนข้างสูง แถมเนื้อสัตว์ที่ใส่ลงไปยังทำให้ระบบย่อยต้องทำงานหนักอีกด้วย

    นม/โยเกิร์ต
      นมวัวและโยเกิร์ตมีไขมันจากสัตว์ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในย่อยมากกว่าน้ำเต้าหู้ เหมาะสำหรับกินในยามเช้ามากกว่ากลางดึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโยเกิร์ต ถ้าเป็นรสธรรมชาติอาจจะพอโอ.เค. แต่ถ้าเป็นรสต่างๆ ที่ผสมผลไม้เชื่อมลงไป น้ำตาลก็จะยิ่งพุ่งสูง



ที่มา...Lisa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น