วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

สครับอย่างไร? ให้ผิวสวยใส แบบสาววัยละอ่อน


ก็เพราะการสครับผิวนั้น
เป็นการทำความสะอาดได้ล้ำลึกยิ่งขึ้น
พราะจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
รวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ
ที่อุดตันรูขุมขนอยู่ให้หลุดออกไป
ทำให้ผิวเนียนขึ้น กระจ่างใส
และเวลาทาครีมก็จะซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น


นอกจากจะช่วยให้ผิวสะอาดแล้ว
ยังช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนโลหิตภายใน
ให้หมุนเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผิวพรรณ
ของคุณดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
 
แล้วสครับมีกี่ชนิด?
หลักๆ แบ่งออกเป็น 2 ชนิดค่ะ
คือสครับที่ผลิตจากธรรมชาติ
และสครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี
1.สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ : 



เนื้อสครับจะทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ
เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช
ซึ่งเราสามารถทำเองได้
มีความปลอดภัยต่อผิว ไม่แพ้
และไม่ระคายเคือง
2.สครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี :



เนื้อสครับจะทำมาจากสารสังเคราะห์
เป็นเม็ดพลาสติกเคลือบ (Micro bead)
ลักษณะเป็นเม็ดทรงกลม
สาวๆ ต้องระวังเรื่องการแพ้และระคายเคือง
มากกว่าสครับที่ผลิตจากธรรมชาตินะจ๊ะ
แต่รู้หรือไม่? ว่าถ้าสครับผิดวิธี
ก็อาจจะส่งผลเสียที่ทำลายผิวได้ง่ายๆ นะ


แล้วต้องสครับยังไงถึงจะถูกวิธีล่ะ?
สาวๆ ต้องสำรวจตัวเองก่อนนะคะ
ว่าสภาพผิวของเราเป็นอย่างไร
จะได้เลือกสครับให้เหมาะกับตัวเองยังไงล่ะ

ผิวแห้ง

จริงอยู่ว่าการสครับจะยิ่งทำให้
ผิวแห้งมากขึ้นไปอีก แต่จริงๆ แล้ว
ผิวแห้งก็ต้องการ การสครับเหมือนกันค่ะ
อาจจะต้องใช้เป็นสครับที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
และต้องเป็นเนื้อสครับที่อ่อนโยน
และควรทำการสครับเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ก็เพียงพอแล้ว



ผิวมัน

ผิวมันมักจะมีปัญหารูขุมขนกว้างและสิวเสี้ยน
จึงควรเลือกสครับที่ช่วยกำจัดสิวเสี้ยน
และช่วยกำจัดคราบไขมันในรูขุมขนออกไป
สามารถสครับได้ถึง 2 ครั้งต่อสัปดาห์
แต่ไม่ควรขัดถูแรง เพราะจะทำให้รูขุมขนกว้างยิ่งขึ้น



ผิวแพ้ง่าย


คนที่มีผิวแพ้ง่ายต้องเลือกผลิตภัณฑ์
ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์
เวลาที่สครับผิวต้องทำอย่างเบามือสุดๆ
ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ค่ะ



ผิวเป็นสิว

พยายามหลีกเลี่ยงสครับที่มีกรดธรรมชาติสูงๆ
เช่น กรด AHA และ BHA
เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบ
หรือทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
และควรหลีกเลี่ยงการสครับในบริเวณที่เป็นสิว
เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบ
แต่ทางที่ดีรอสิวหายแล้วค่อยสครับดีกว่าเนอะ


การสครับผิวใสให้ถูกวิธีต้องทำตามนี้นะ!!
● สครับผิวด้วยความนุ่มนวล 
และไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป
สครับหน้าเพียง 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์
ไม่งั้นริ้วรอยถามหาแน่
ส่วนการสครับผิวกายแค่ 2 ครั้งต่อเดือน
ก็เพียงพอแล้วค่ะ


● สครับขัดหน้ากับขัดตัวควรแยกกัน
จริงๆ ถ้าจะเอาสครับขัดหน้ามาขัดตัวก็พอหยวนๆ นะ
แต่ถ้าเอาสครับขัดตัวมาขัดหน้านี่ไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะส่วนผสมอาจจะเข้มข้นกว่า
หรือมีความหยาบมากกว่า
หน้าพังได้ง่ายเลยนะจ๊ะสาวๆ


● จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเทสต์
ไม่ว่าจะเป็นสครับขัดหน้าหรือขัดตัว
ควรที่จะมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อน
โดยนำมาทดลองขัดที่หลังมือ
ถ้าไม่แพ้ ไม่แสบผิว ก็โอเค ใช้ได้เลย


● ในขณะกำลังสครับผิวหน้า ควรขัดเบาๆ
โดยใช้มือขัดในลักษณะถูเป็นวงกลมเล็กๆ
ไล่ให้ทั่วใบหน้า โดยเน้นที่บริเวณหน้าผาก
จมูก และคางเป็นพิเศษ เนื่องจากในบริเวณดังกล่าว
มักจะเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดสิวขึ้น


● ไม่ควรสครับผิวหน้านานจนเกินไป
ควรใช้เวลาในการขัดประมาณ 10-15 นาที
หรือน้อยกว่านั้นก็เพียงพอแล้ว


● ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการสครับผิวมากที่สุด
คือ เวลากลางคืน เพราะหลังจากที่เรา
ทำการสครับผิวเสร็จแล้ว ในขณะที่นอนหลับ
เซลล์ผิวของเราจะได้ทำการซ่อมแซม
ฟื้นฟู จากการสูญเสียที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำการสครับ


● หลังจากสครับผิวหน้าและกายเสร็จแล้ว
ควรบำรุงผิวด้วยครีม หรือโลชั่น
ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวของเรา


● ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวหากจำเป็นต้องไป
ในสถานที่ที่มีแสงแดดจัด เช่น ทะเล
ไม่ควรสครับผิวอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
ก่อนไปในบริเวณที่มีแสงแดดจัดๆ
เพราะการสครับจะทำให้ผิวเราบางลง
ผิวจึงมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้นตามไปด้วย


● แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ก็จำเป็นต้องทาครีมกันแดด
ที่มีค่า SPF มากกว่า 15 ขึ้นไป
เมื่อจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกบ้าน


● ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์สครับที่มีส่วนผสมของ
กรดอัลฟา ไฮดรอกซี (Alpha hydroxyl acids)
ที่มากจนเกินไป เพราะถึงแม้ว่ากรดดังกล่าว
จะมีฤทธิ์ในการช่วยผลัดเซลล์ผิว
แต่หากใช้ในปริมาณมากจนเกินไป
จะเกิดการกระตุ้นให้ผิวหนังผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลา
ผิวจึงถูกทำลายมากกว่าที่ควรจะเป็น



เป็นยังไงจ๊ะ กับเคล็ดลับการสครับผิวให้สวยใส
ราวกับสาววัยละอ่อน ทำตามได้ไม่ยากใช่มั้ยล่ะ




Cr. https://www.wongnai.com/articles/how-to-scrub-to-get-young-skin?re=fbbeauty&ref=ct

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น