ทำเอาเหล่าคนรักสุขภาพตื่นตระหนกไม่น้อย กรณีการแชร์เรื่องดาราป่วยท้องเสียจากเชื้อโรตาไวรัส พร้อมระบุข้อความไม่มียารักษา ทำให้เกิดความกังวลว่าเชื้อมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ เนื่องจากเป็นเชื้อที่มักพบในเด็ก ไม่อยากเข้าใจเกี่ยวกับ “ไวรัสท้องเสียโรตา” อย่างผิดๆ ไปอัพเดทข้อมูลที่ถูกต้องกันค่ะ
ข้อมูลจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า
ทุกคนต้องเคยป่วยท้องเสียด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทุกครั้งอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ในอดีตไทยมักพบการป่วยโรคท้องเสียในช่วงฤดูร้อนจากเชื้อแบคทีเรีย
แต่จากการจัดระเบียบและความสะอาดมากขึ้น ทำให้อัตราการป่วยในช่วงฤดูร้อนลดลง แต่พบในช่วงฤดูหนาวที่มาจากเชื้อไวรัสเหมือนกับประเทศตะวันตก โดยมี 2 ชนิด คือ
- โรตาไวรัส ที่พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ป่วยประมาณ 3 – 5 วัน อาการก็จะเป็นปกติ หากไม่พบอาการแทรกซ้อน การรักษาอาการท้องเสีย ไม่มียาอยู่แล้ว เป็นการรักษาตามอาการ
- โนโรไวรัส พบมากในผู้ใหญ่ อาการไม่รุนแรงมาก ป่วยเพียง 3 – 5 วัน อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเช่นกัน
ตามปกติการพบโรคท้องเสียจากเชื้อโรตามีทุกปี และปีที่แล้วพบมากที่สุด ส่วนการป่วยในผู้ใหญ่ไม่ค่อยพบการติดเชื้อโรตาไวรัส แต่จะเป็นการติดเชื้อโนโรไวรัสมากกว่า การตรวจหาเชื้อโวรัสที่เป็นสาเหตุของท้องเสีย ส่วนใหญ่ตามโรงพยาบาลมักตรวจจากชุดทดสอบ แต่เพื่อการยืนยันอย่างชัดเจน ต้องตรวจจากเครื่องในห้องปฏิบัติการชีวโมเลกุลที่ให้ผลชัดเจน เพราะอาจได้ผลบวกลวงได้ ทำให้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ใหญ่จึงป่วยท้องเสียจากโรตาไวรัส ทั้งที่จริงอาจเป็นโนโรไวรัสก็ได้
วิธีปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเชื้อไวรัสโรตา
- รับประทานอาหารที่ปรุงร้อน สุกสะอาด และใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกัน
- หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร และภายหลังการใช้ห้องน้ำ
- ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ทานอาหารที่มีคุณค่า และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่
ทั้งนี้ หากเริ่มมีไข้ อาเจียน หรืออุจจาระร่วง ควรหยุดเรียน หยุดงาน หมั่นล้างมือให้สะอาด ดื่มน้ำเกลือแร่ แต่ไม่ควรซื้อยาฆ่าเชื้อกินเอง เพราะโรคนี้สามารถหายได้เอง เว้นแต่อาการรุนแรงขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ค่ะ
Cr.http://www.healthandtrend.com/healthy/disease/ไวรัสท้องเสียโรตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น